เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.  รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

10 เม.ย. 2563 | 10:38 น.

เอกชนนัดถกภาครัฐ13 เม.ย. จัดทำแผนเตรียมรับมือการกลับมาเปิดสถานประกอบการในเดือน พ.ค.นี้ ข่าวดีบริษัทขนาดใหญ่จะไม่ปรับพนักงานออกแน่นอน

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 13 เมษายนนี้ ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย  รวมด้วยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะประชุมร่วมกัน โดย สศช.จะทำหน้าที่เป็นประธาน เพื่อรวบรวมข้อมูลและรับฟังปัญหาจากภาคเอกชนในสถานการณ์โควิด-19 ว่าหลังจากการควบคุมจนสามารถการแพร่ระบาดลดน้อยลง เมื่อครบกำหนดที่รัฐสั่งปิดสถานประกอบการและควบคุมโควิด-19 (วันที่12 เม.ย.นี้ )  ว่าการเปิดดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการแต่ละสาขาจะต้องดำเนินการอย่างไร  โดยสศช.จะเป็นผู้รวบรวม เพื่อนำข้อเสนอต่าง ๆ ไปเสนอภาครัฐ โดยเชื่อว่าจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทั้งประเทศให้การร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลน่าจะทำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดน้อยลงได้ ดังนั้น เอกชนจะต้องเตรียมตัวหากสถานการณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ภาะปกติแล้ว และเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจะต้องทำอย่างไรบ้าง 

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

ขณะนี้ได้รับคำยืนยันจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น กลุ่มซีพี ห้างเซ็นทรัล หรือกลุ่มเอสซีจี และอีกหลายกลุ่มที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทย ต่างยืนยันว่าจะไม่ปรับลดพนักงานหรือเอาพนักงานออกแต่อย่างใด เพราะขณะนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการทั้งระบบได้เตรียมมาตรการรองรับการดูแลพนักงานต่าง ๆ อย่างดี และที่สำคัญเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติการเปิดให้บริการของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จากการที่ฟังข้อเสนอของกลุ่มห้างเซ็นทรัลและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ แต่ละห้างมีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งที่ผ่านมาห้างสรรพสินค้าไม่ใช่เป็นพื้นที่แพร่ระบาดของโรค แต่ยอมรับว่าหลังจากนี้ทั้งผู้ประกอบการและผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ จะใช้มาตรการดูแลสุขอนามัยทั้งบุคลากรและพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 น้อยลง ดังนั้น วันที่ 13 เมษายนนี้ แต่ละกลุ่มจะเตรียมนำข้อเสนอ เพื่อให้ สศช.รับไปดำเนินการเต็มที่

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

“เอกชนร่วมมือกันสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับแพทย์ โรงพยาบาล เพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อ  หากหยุดได้จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็ว เพราะยังมองว่าปัญหายังอยู่ไปอีกระยะไม่ได้จบได้ในทันที และหลายประเทศต่างเร่งแก้ไขปัญหานี้  พร้อมกันนี้ เพื่อยังให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้”

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล  ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI  กล่าวว่า  จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าปัญหายังคงยืดเยื้อ ดังนั้น  สิ่งที่หลายฝ่ายรวมถึงภาครัฐอาจจะต้องพิจารณามาตรการไว้รองรับระหว่างที่เกิดปัญหาและหลังจากสถานการณ์ได้คลี่คลายว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้กลับมาดำเนินการและประกอบการกิจการได้  โดยภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุนด้านต่างๆ  เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายให้ได้โดยเร็วที่สุด  อีกทั้งทำให้เศรษฐกิจไทยพยุงตัวเองผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และมาตรการต่างๆก็ต้องการให้ดูครบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากต้องยอมรับว่าบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบต่อไม่ได้อยู่ในมาตรการเยียวยาและดูแลจากภาครัฐ เบื้องต้น  จากที่คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจ ติดลบ 5% คาดว่าโอกาสจะติดลบ สูงถึง ติดลบ 8% ถึง ติดลบ 10%

 

ขณะที่นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนในองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)  กล่าวว่า  บริษัทถือว่าเป็นผู้ผลิตอาหารเป็นหลัก  ดังนั้น  ยืนยันว่าอาหารที่ผลิตจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างแน่นอน  ล่าสุด  ได้งดการส่งออกไข่ไก่แล้ว ทั้งนี้  เพื่อให้ประชากรภายในประเทศมีไข่ไก่ได้บริโภคอย่างเพียงพอ  อีกทั้ง  ทางบริษัท  ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน และจะเร่งการผลิตสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่อยู่ระหว่างการทำงานอยู่ที่บ้าน บริษัทได้รับพนักงานรับส่งสินค้าของบริการ 7-11 กว่า 20,000  อัตรา  ทั้งนี้  นอกจากช่วยเหลือให้คนที่ตกงานมีงานทำแล้วก็ยังเป็นบริการประชาชนลดการแพร่เชื้อได้

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

นอกจากนี้  บริษัทในเครือยังสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยายาลด้วย  รวมไปถึงการเร่งติดตั้งเครื่องผลิตหน้ากากอนามัย  เชื่อว่าจะผลิตได้และกระจายให้กับประชาชนและสถานพยาบาลได้เร็วนี้ โดยกำลังการผลิตอยู่ที่ 3 ล้านชิ้นต่อเดือน นอกจากนี้  ยังสนับสนุนภาคเอกชนในเรื่องของแพลตฟอร์มการประชุมทางไกลด้วย รวมไปถึงสถานศึกษาต่างๆ  ทั้งนี้บริษัทในเครือยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงานแน่นอน

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

 

 

 

 

 

 

 

เอกชนนัดถกภาครัฐ13เม.ย.   รับมือคัมแบ็กเปิดสถานประกอบการ

สอดคล้องกับนางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ในกลุ่มของบริษัท ยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น  แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงาน  อีกทั้งทางบริษัทยังได้ปรับปรุงการทำงานให้กับพนักงานให้สามารถทำงานที่บ้านได้ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ เพื่อให้พนักงานยังมีรายได้  โดยบริษัทในเครือมีพนักงานประมาณ 80,000 คน  พร้อมกันนี้ บริษัทก็ช่วยเหลือสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลได้มีอุปกรณ์ป้องกันและตรวจสอบเชื้อ  นอกจากนี้ พบว่ามีบางจังหวัดอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดห้างสรรพสินค้า  เพื่อให้บริการแก่ประชาชน  ทางบริษัทเองก็พร้อมที่จะเตรียมการในการเปิดให้บริการ  พร้อมมาตรการการป้องกันการใช้บริการ และการป้องกันการแพร่เชื้อด้วย  เพื่อไม่ให้ส่งกระทบต่อผู้ใช้และผู้ให้บริการ