“สนธิรัตน์”เร่งดึงกองทุนอนุรักษ์หมื่นล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ

08 เม.ย. 2563 | 09:00 น.

รมว.พลังงานมอบหมาย ส.กทอ. เร่งเปิดให้หน่วยงานยื่นเสนอโครงการเพื่อขอรับเงินกองทุนปี 63 รวม 1 หมื่นล้านบาท หวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการมอบหมายให้สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) เร่งรัดการเปิดให้หน่วยงานต่าง ๆ ยื่นเสนอโครงการฯ เพื่อขอรับใช้เงินกองทุนฯ ปี 2563 ที่มีวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท  โดยในจำนวนดังกล่าวนี้จะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากประมาณ 3 พันล้านบาท  ซึ่งจะขอให้เปิดรับยื่นข้อเสนอเร็วขึ้น 1 เดือน เป็นภายในเดือนเมษายนนี้

“สนธิรัตน์”เร่งดึงกองทุนอนุรักษ์หมื่นล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้  เดิมทีกำหนดเปิดโครงการฯ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 63 โดยเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) และร่วมแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพราะเงินกองทุนฯ ส่วนหนึ่งจะเป็นการสนับสนุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร  หรือโซลาร์สูบน้ำบาดาล  อย่างไรก็ดี  ยังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพลังงานประสานงานร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกระทรวงมหาดไทย เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาด้วยการขุดบ่อบาดาลแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในพื้นที่ประสบภัยแล้งประมาณ 20 จังหวัด

นอกจากนี้  ยังมอบหมายให้ ส.กทอ. เร่งรัดโครงการฯ ตกค้างปีงบประมาณปี 60 ,62 และ62 (เพิ่มเติม) ที่เหลืออยู่ประมาณ 10% ให้ดำเนินการเสร็จภายใน 60 วัน หรือเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน พฤษภาคมนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์  หลังจากที่ก่อนหน้านี้โครงการตกค้างประมาณกว่า 1,000 โครงการ และได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 80-90% หลังจากขีดเสร็จให้เสร็จภายใน 31 มีนาคม

“สนธิรัตน์”เร่งดึงกองทุนอนุรักษ์หมื่นล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี  แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบต่อการเดินทางทางมาติดต่องบกองทุนอนุรักษ์ แต่ได้ให้ ส.กทอ. ปรับการทำงานมาเป็นการยื่นแบบออนไลน์ได้  โดยให้ดูว่าดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งงบฯ ส่วนนี้หากเร่งออกไป ก็จะช่วยจ้างงาน แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ลดผลกระทบเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง 

สำหรับช่วงกลางเดือนเมษายนนี้จะประกาศโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากระยะแรก 700 เมกะวัตต์ เพื่อเป็นหนึ่งในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ทางการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ให้ผู้สนใจโครงการนี้ยื่นขอตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า โดยมีขั้นตอนลงทะเบียนทางเว็บไซต์ของ 2 หน่วยงาน มีค่าบริการขอตรวจสอบจุดเชื่อมต่อในอัตราที่แตกต่างกัน