FTAหนุนส่งออกมันสำปะหลัง 2 เดือน พุ่งเฉียด 400%

02 เม.ย. 2563 | 11:09 น.

พาณิชย์ เร่งวิเคราะห์ข้อมูลและผลักดันการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ล่าสุดพบมันสำปะหลังใช้เอฟทีเอเจาะตลาดนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นส่งออก 2 เดือนปี 63 เพิ่มเฉียด 400% แนะเกษตรกร ผู้ประกอบการ ต้องเข้มเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน เหตุคู่แข่งสำคัญ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม ได้สิทธิทางภาษีภายใต้เอฟทีเอเช่นเดียวกัน  

  นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยและประเทศต่างๆ กำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กรมได้เร่งวิเคราะห์ข้อมูลโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศที่มีความต้องการ ในฐานะที่ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก และได้รับรายงานว่าไทยได้ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และไทย-นิวซีแลนด์ มากขึ้น ส่งผลให้ช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2563 มียอดส่งออกมันสำปะหลังไปนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น จึงอยากกระตุ้นให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอเพื่อสร้างโอกาสในการขยายการส่งออกเพื่อฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปให้ได้

 

FTAหนุนส่งออกมันสำปะหลัง  2 เดือน พุ่งเฉียด 400%

 

โดยเบื้องต้นพบว่า ในเดือนม.ค.-ก.พ.63 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปนิวซีแลนด์ มีมูลค่า 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 392.7% โดยส่วนใหญ่เป็นกากและมันสำปะหลังอื่นๆ สัดส่วน 80% รองลงมาเป็นเด๊กตริน โมดิไฟด์สตาร์ชอื่นๆ สัดส่วน 13.2% ที่เหลือเป็นสตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง และสาคูทำจากแป้งมันสำปะหลัง   ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น โดยในปี 2562 อุตสาหกรรมโคนมนิวซีแลนด์เติบโตขึ้น มีมูลค่าสูงถึง 10,411 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.18%

 

FTAหนุนส่งออกมันสำปะหลัง  2 เดือน พุ่งเฉียด 400%

ปัจจุบันไทยและนิวซีแลนด์มีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ลงนามร่วมกัน 2 ฉบับ คือ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ซึ่งภายใต้เอฟทีเอดังกล่าว นิวซีแลนด์ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ส่งออกจากไทยแล้ว ทำให้ไทยมีแต้มต่อทั้งในด้านราคาและคุณภาพที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้

 

FTAหนุนส่งออกมันสำปะหลัง  2 เดือน พุ่งเฉียด 400%

 

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีคู่แข่งสำคัญจากประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่มีเอฟทีเอกับนิวซีแลนด์เช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัว เพิ่มศักยภาพและมาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการตลาด ตลอดจนรักษาคุณภาพสินค้า ทั้งกระบวนการแปรรูป การเก็บรักษา ความสะอาดในการขนส่งให้ได้มาตรฐานสุขอนามัย เพื่อช่วยให้ไทยสามารถขยายตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและเพิ่มยอดการส่งออกได้เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ในปี 2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 2,606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีตลาดสำคัญ คือ จีน สัดส่วน 52.2% ญี่ปุ่น สัดส่วน 10.9% อินโดนีเซีย สัดส่วน 7.6% ไต้หวัน สัดส่วน 5.2% และสหรัฐฯ สัดส่วน 3.6% ขณะที่นิวซีแลนด์เป็นตลาดสำคัญอันดับที่ 16 ของไทย เป็นตลาดใหม่ที่ไทยมีแนวโน้มส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยในเดือนม.ค.2563 นิวซีแลนด์นำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทย คิดเป็นสัดส่วน 88.5% ของการนำเข้าจากโลก รองลงมานำเข้าจากออสเตรเลีย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น