ปรับแผนสู้ไวรัสโคโรนา เน้นขายออนไลน์

28 ก.พ. 2563 | 11:02 น.

จุรินทร์ ระดมทีมกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ปรับแผนสู้ภัยไวรัสโคโรนา รุกปรับวิกฤติเป็นโอกาสทุกช่องทาง เน้นรุกตลาดออนไลน์ ยังเป้า3%ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ปลายปี62

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์ทุกประเทศ)  เปิดเผยว่า ได้เชิญทูตพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่วโลกมาประชุมร่วมกันพร้อมกับภาคเอกชนเพื่อหารือถึงสถานการณ์การส่งออกในปี 2563  หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว สงครามการค้า และปัจจจัยภายในประเทศอย่างภัยแล้ง  รวมถึงการแพร่ระบาดของไวระสโคโรนาหรือโควิด-19 ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้

ปรับแผนสู้ไวรัสโคโรนา เน้นขายออนไลน์

“สถานการณ์ดังกล่าวบวกกับ การแพร่ระบาดของไวรัสยังยืดเยื้อ  กระทรวงพาณิชย์จำเป็นที่จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในเรื่องของการส่งออกให้สอดคล้องกันเพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้ได้ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวง กับภาคเอกชน โดยสิ่งที่ต้องปรับคือในเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาด ในการส่งออกประกอบด้วยในส่วนของตลาดสินค้าบริการและแผนปฏิบัติการต้องมีรายละเอียดเชิงรุก กลยุทธ์เชิงรุกที่ชัดเจน สำหรับตลาดที่กำหนดไว้เดิม 18 ประเทศที่สรุปร่วมกับภาคเอกชนตั้งแต่ปลายปียังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่อาจจะต้องมีการปรับเรื่องเงื่อนเวลา ขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศนั้นและไวรัส เป็นหลักด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่”

สำหรับสินค้าและบริการในตลาดสำคัญ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้โดยเฉพาะในเรื่องอาหารสำเร็จรูป ข้าว ผลไม้รวมทั้งผลไม้แปรรูป และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆเป็นต้น เช่นตลาดฮ่องกง ข้าวหอมมะลิขยายตัวถึง 15 % 

ด้านตลาดสหรัฐอเมริกา ตลาดข้าวยังขยายตัวได้ดี รวมทั้งผลไม้แปรรูป เช่นสับปะรดแปรรูป รวมทั้งอาหารที่เป็นของขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีความต้องการสูงมาก ส่วนตลาดอินเดียยังมีโอกาสขยายตัวได้มาก คือ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ พืชเกษตร เช่น แป้งมัน น้ำมันปาล์ม ไม้ยางพารา ผลไม้ เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และร้านอาหารไทยยังเป็นภาคบริการที่ยังไปขยายตัวได้มากในอินเดีย  รวมทั้งตลาดตะวันออกกลาง ยูเออีเป็นตลาดเดิมที่เราต้องรักษาไว้เพื่อกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้เพื่อทำมาตรการเชิงรุกคือใช้หลายรูปแบบผสมผสานกันทั้งในส่วนของการดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆเหมือนที่เคยทำเพิ่มความถี่ขึ้นหรือว่าปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้นจากพบปะระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกการจัดคณะไปเยี่ยมตลาดสำคัญ 18 ตลาดเบื้องต้นจะจัดลำดับความเหมาะสมใหม่ เน้นช่องทางการค้าออนไลน์มากขึ้นสำหรับบางประเทศ เช่นประเทศจีน เพื่อให้เป็นช่องทางระบายสินค้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์เพราะคนไม่ค่อยออกจากบ้านยังสั่งสินค้าออนไลน์อยู่ และเน้นการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจของศักยภาพสินค้าไทยในตลาดอ่อนไหว เช่น ตลาดสหรัฐ ตลาดสหภาพยุโรป ในอังกฤษ เป็นต้น เพื่อให้ทราบว่าสินค้าไทยแม้ในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ยังมีคุณภาพและไม่มีผลกระทบ ส่วนเป้าส่งออกปีนี้ 3%ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่มีหน้าที่ปรับเป้าส่งออก แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสภาพัฒน์ฯจะเป็นผู้ดำเนินการประชุมกับภาคเอกชน กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ภายใต้สถานการณืที่เปลี่ยนไป