สวนยางอ้อนรัฐ ลุยต่อประกันรายได้เฟส2

02 มี.ค. 2563 | 05:15 น.

 

เครือข่าย กยท.กระทุ้งรัฐเปิดเฟส 2 ประกันรายได้ยางพาราต่อเนื่อง ชงเหมาจ่ายต่อไร่เลียนโมเดลในอดีต แก้คำนวณชดเชยแต่ละรอบยุ่งยาก นายกสมาคมน้ำยางข้น เผยราคาน้ำยางยังไม่ตก โชคดีได้ตลาดมาเลเซียเสียบแทนจีนทรุด

สิ้นสุดไปแล้วสำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 1 ปี 2562-2563 ในยางพารา 3 ชนิดที่รัฐบาลได้ประกันรายได้ โดยจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาตลาดกับราคาประกันรายได้รวม 3 รอบ ได้แก่ ยางแผ่นดิบ ประกันรายได้ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) น้ำยางสด 57 บาทต่อกก. และยางก้อนถ้วย DRC 50% ที่ 23 บาทต่อกก. โดยรอบที่ 1 ประกาศราคากลางอ้างอิงตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม - 24 ตุลาคม 2562, รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม-20 ธันวาคม 2562 และรอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2562-23 กุมภาพันธ์ 2563 โดยเคาะจ่ายชดเชยประกันรายได้แต่ละรอบในอัตราที่แตกต่างกันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป (กราฟิกประกอบ)

แหล่งข่าวจากเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง  กยท.ระดับประเทศ (คยท.) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 คณะกรรมการบริหารโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางได้มีการหารือกันถึงโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 2 ซึ่งได้มีการประเมินปัญหาและสรุปในเบื้องต้นว่าจะต้องมีโครงการต่อเนื่อง โดยให้มีการคำนวณเพื่อชดเชยแบบเดียวกันทั่วประเทศเหมือนในอดีต 

ยกตัวอย่าง โครงการช่วยเหลือและสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. 2561-2562 ที่จ่ายเงินช่วยเหลือตามพื้นที่ที่เปิดกรีดยางจริงในอัตราไร่ละ 1,800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ แบ่งเป็นเจ้าของสวนยาง 1,100 บาทต่อไร่ และคนกรีดยาง 700 บาทต่อไร่

สวนยางอ้อนรัฐ  ลุยต่อประกันรายได้เฟส2

“การจ่ายเงินประกันรายได้ ต้องใช้เวลาเคาะราคาชดเชยทำให้เสียเวลามาก เวลานี้ยังจ่ายเงินให้เกษตรกรไม่ครบ จากเจ้าหน้าที่การยางฯต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเกษตรกร ไม่ต้องทำงานอย่างอื่น เพื่อลดขั้น ตอนดังกล่าว เห็นว่าน่าจะใช้วิธีจ่ายเงินช่วยเหลือแบบเดิมดีกว่า”

สอดคล้องกับนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศ ไทย (สยท.) กล่าวว่า ตราบใดที่รัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ต่อโครงการประกันรายได้จะต้องมีต่อเนื่อง เป็นการทำตามสัญญาในตอนหาเสียงเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ

ด้านนายชัยพจน์ เรือง-วรุณวัฒนา นายกสมาคมน้ำยางข้นไทย เผยถึงสถานการณ์ราคายางพารา ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาน้ำยางสดอยู่ที่ 44.70 บาทต่อกก. ยางแผ่นดิบ 42 บาทต่อกก. ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำยางสดแซงราคายางแผ่นดิบไปที่ 2.70 บาทต่อกก. จากผู้ส่งออกมีการแย่งซื้อเพื่อส่งมอบให้กับคู่ค้าตามสัญญา ประกอบกับปริมาณน้ำยางเวลานี้มีน้อยเนื่องจากใกล้ปิดกรีด (ในฤดูแล้ง) ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อชาวสวนยางไม่ต้องเสียเวลาผลิตเป็นยางแผ่น

“เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้รับผล
กระทบจากไวรัสโคโรนา หรือ
โควิด-19 ใครที่ส่งออกยางไปจีนยังมีปัญหาชะลอตัว จากโรงงานแปรรูปยางในจีนส่วนใหญ่ยังไม่เปิดดำเนินการเต็ม 100% แต่ยังโชคดีที่มีตลาดมาเลเซียที่มีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบไปผลิตเป็นถุงมือยางจำนวนมากเพื่อส่งออกไปตลาดจีนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น ดังนั้นสถานการณ์ยางพาราจึงไม่ได้ย่ำแย่มากนัก ส่วนสถานการณ์ยางพาราที่จะเปิดกรีดเดือนพฤษภาคม คาดปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดจะมีน้อย เนื่องจากแล้งยาว แต่มองว่าจะมีความสมดุลของผลผลิตและความต้อง การของตลาดจีนที่ลดลง”  

หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3553 วันที่ 1-4 มีนาคม 2563