BOIพร้อมโรดโชว์จีน มั่นใจปี 63 ยังมาลงทุนสูงต่อเนื่อง

16 ก.พ. 2563 | 04:51 น.

 

 

บีโอไอประกาศยังพร้อมเดินหน้าโรดโชว์จีนและฮ่องกง เผยเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่ไทยต้องดึงเข้ามา   ชี้ปี 2563 ทุน 2 ประเทศนี้จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ย้อนสถิติ 5 ปี เม็ดเงินลงทุนรวมกว่าโตกว่า 4 แสนล้านบาท 

 

 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงกิจกรรมโรดโชว์เพื่อดึงดูดการลงทุนจากประเทศจีนและฮ่องกงว่า ในช่วง 7 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณนี้ (มีนาคม – กันยายน 2563) บีโอไอวางแผนจัดกิจกรรมทั้งหมดประมาณ 30 ครั้ง แบ่งเป็นคณะโรดโชว์จากประเทศไทยจำนวน 7 ครั้ง ทั้งระดับที่นำโดยฝ่ายการเมืองและระดับสำนักงาน

BOIพร้อมโรดโชว์จีน  มั่นใจปี 63 ยังมาลงทุนสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมโดยสำนักงานบีโอไอ 3 แห่งในประเทศจีนจำนวน 18 ครั้ง และการจัดคณะนักลงทุนจีนมาเยือนและศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยจำนวน 5 ครั้ง

 

“ เราจะติดตามสถานการณ์ของไวรัสโคโรน่าอย่างใกล้ชิด และจะมาประเมินกันเป็นระยะๆ ไป บีโอไอมีความยืดหยุ่นที่จะสามารถปรับแผนกิจกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ หากสถานการณ์ดีขึ้น บีโอไอก็พร้อมบุกเต็มที่”

 

นายนฤตม์กล่าวอีกว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 – 2562) การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากประเทศจีนและฮ่องกง มีจำนวนทั้งสิ้น 755 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 429,000 ล้านบาท  โดยการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนและฮ่องกงได้เริ่มมีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสงครามการค้าเริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในปี 2562 ปีเดียวมีจำนวนมากถึง 262 โครงการ สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าสูงถึงกว่า 2.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าจากปีก่อน ส่งผลให้การลงทุนจากประเทศจีนและฮ่องกงขึ้นมาอยู่ในลำดับที่หนึ่ง สูงกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางล้อสำหรับยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กิจการโรงแรม อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ ขณะที่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นผลจากสงครามการค้าโดยตรง อย่างกิจการด้านดิจิทัลและกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ ก็เริ่มเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น 

BOIพร้อมโรดโชว์จีน  มั่นใจปี 63 ยังมาลงทุนสูงต่อเนื่อง

จีนและฮ่องกงเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่ไทยต้องการดึงการลงทุน และมองว่าในปี 2563 นี้ การลงทุนจากจีนและฮ่องกงจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่เป็นผลจากสงครามการค้าเพียงอย่างเดียว แต่มีหลายปัจจัย เช่น การมุ่งออกสู่ต่างประเทศของธุรกิจจีน และต้นทุนการผลิตในจีนที่สูงขึ้นมากก็เป็นปัจจัยผลักดันด้วย ขณะที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีความโดดเด่นด้านที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของอนุภูมิภาคที่สามารถเชื่อมโยงไปยังตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่าง CLMV และอยู่ในจุดที่เชื่อมกับนโยบาย Belt and Road (BRI) ของจีนได้เป็นอย่างดี

 

อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เหมาะสมต่อการลงทุน มีความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะใน EEC ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมสำคัญที่นักลงทุนจีนให้ความสนใจมาก ซัพพลายเชนมีความเข้มแข็ง มีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและสิทธิประโยชน์จูงใจ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บีโอไอและกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนในปีนี้เป็นพิเศษอีกด้วย โดยบีโอไอจะให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 อีก 5 ปี เพิ่มเติมจากการยกเว้นภาษีตามเกณฑ์ปกติ หากสามารถลงทุนจริงได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ภายในปี 2563 หรือไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 จึงเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการตัดสินใจลงทุนของจีนและฮ่องกงโดยเร็วยิ่งขึ้น