ปาล์มพุ่ง 7.80 บาทต่อกก. ชาวสวนชวดรับชดเชยงวด 3

พาณิชย์ยันไม่มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศหลังราคาในประเทศสูง ส่งผลไม่ต้องจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ปาล์มงวดที่ 3 ให้เกษตรกรสวนยาง  ขณะที่น้ำมันปาล์มบรรจุขวดยอมรับสูงตามราคาต้นทุนแต่จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ขายเกิน 42 บาท

นายวิชัย  โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกระแสข่าวนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ)จากต่างประเทศ หลังจากราคาในประเทศสูงขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในยืนนยันว่า ไม่เป็นข้อเท็จจริง และยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาให้พูดถึงเรื่องนี้ โดยราคาผลปาล์มขณะนี้ สูงเกิน 7 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) (ณ วันที่ 17 ม.ค.63 ขึ้นมาที่ 7.80 บาทต่อกก. สูงสุดเป็นประวัติการณ์) ถือว่ามาชดเชยให้กับเกษตรกรในช่วงที่ราคาตกต่ำที่ผ่านมา

ดังนั้นโครงการประกันรายได้ชาวสวนปาล์ม ในงวดต่อไป ยังคงไม่ต้องจ่ายส่วนต่างให้กับเกษตรกรต่อเนื่อง หลังจากตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจ่ายเงินวดแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ผ่าน และจ่ายทุก 45 วันซึ่งจ่ายไปแค่ 2 งวดเท่านั้น เนื่องจากราคาผลปาล์ม ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จนปัจจุบันทะลุ 7 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว แต่ถือว่าให้ประโยชน์กับเกษตรกร หลังจากประสบปัญหาราคาตกต่ำมาเป็นปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงถึงกิโลกรัมละ 39 บาท แต่ราคาในตลาดโลก อยู่ที่ 22-23 บาทเท่านั้น จนเกิดกระแสข่าว ว่าจะอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ

“ส่วนกระแสข่าว ว่าจะอนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ กรมยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และตั้งข้อสังเกตว่า คนปล่อยข่าว มีเจตนาจะกดราคาผลปาล์มของเกษตรกร ซึ่งการจะออกมาตรการใดๆ เกี่ยวกับการดูแลปาล์มน้ำมัน จะต้องพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเท่านั้น และหากยังพบมีการปล่อยข่าวผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย จะมีการนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้ทันที”

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในขณะนี้ยอมรับว่า ราคาสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะเป็นเพียงช่วงสั้น ไม่เกิดการขาดแคลนในประเทศอย่างแน่นอน และราคาจำหน่าย เวลานี้เฉลี่ยอยู่ที่ขวดละ 42 บาท ถือว่ายังอยู่ในระดับราคาที่ไม่สูงเกินสมควร เพราะเป็นราคาที่ได้ขอความร่วมมือกับเอกชนไม่ให้จำหน่ายเกิน ขวดละ 42 บาท และในช่วงกลางเดือนก.พ. จะเป็นช่วงที่ผลปาล์ม ออกสู่ตลาดอีกครั้งราคาจะมีการปรับตัวลดลง สำหรับความคืบหน้าในการติดมิเตอร์วัดสต๊อกน้ำมันปาล์มของโรงงานสกัดนั้น หลังจากงบประมาณผ่านการพิจารณาแล้ว จะสามารถเดินหน้าติดตั้งได้ทั้ง 400 แห่งทั่วประเทศทันที คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการติดตั้งไม่เกิน 6 เดือน