งดจ่ายเยียวยาชาวนาฝืนทำนาปรังกว่า 3 ล้านไร่
สทนช.เผยนาปรังมีข้าวกว่า 3 ล้านไร่เสี่ยงปลูก เล็งใช้ไม้แข็งหากเกิดความเสียหายจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ หวั่น 2 มาตรฐานกับชาวนาที่เชื่อฟัง
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ทาง สทนช.ประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ระดับ2 คือหากเดิมตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ จะมีแค่ระดับสูงสุด ก็คือ "ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ" ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีจะต้องมานั่ง นั่นหมายถึง "วิกฤติระดับชาติ" แล้วต้องให้นายกรัฐมนตรีมากำกับ แต่คราวนี้การที่จะมาถึงในระดับนั้นจะมีใครมาเสนอกลั่นกรอง เฉพาะ สทนช. อย่างเดียวไปเสนอเกรงว่าจะไม่รอบด้าน จึงต้องมีหน่วยงานที่อยู่ตรงกลางช่วยกัน
แล้วองค์กรตัวกลางระดับกรมจะต้องอาศัยรองนายกรัฐมนตรีมากำกับ จึงเป็นระดับล่างไปจนถึงระดับบนจะมี "กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ" ซึ่งจะต้องเอาเรื่องนึ้ไปเข้า ครม. เป็นกรอบการทำงานภายใต้ พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฯ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ท่านนายกฯ จะลงนามแต่งตั้งทั้งนี้เวลาประชุมก็มีความเข้มแข็ง เข้มงวดกว่าที่ สทนช.จะเรียกแต่ละกรมมาประชุมเอง จะส่งมาระดับแค่ปฎิบัติเท่านั้นเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นรองอำนายการที่ท่านรองนายกฯกำกับระดับภายใต้กรรมการจะสูงขึ้นมีทั้งระดับปลัดกระทรวงด้วยเวลาประชุมสั่งการจะชัดเจนขึ้น
นายสำเริง กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าข้อมูลข่าวสารเร็ว "แล้ง" ตรงไหนทราบเร็วหมด ทั้ง่ที่ภัยแล้งเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วเมื่อก่อนอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่วันนี้คาดหวังว่าบ้านเมืองเมื่อพัฒนาขึ้น ไม่ควรจะเจออแบบนึ้แล้ว ส่วนหนึ่งธรรมชาติกำกับไม่ได้ ปีที่แล้วฝนน้อย สังเกตว่ามีแผนแก้แล้งตั้งแต่ปลายฝน คือเดือนกันยายน ซึ่งเตรียมการมาแล้ว วันนี้เป็นการเดินตามแผน ที่มีมติครม.เมื่อวันที 29 ตุลาคมที่ผ่านมา แล้วเพิ่มความเข้มงวดขึ้น
"จากการประชุมหารือแล้วคาดว่าฤดูแล้งจะหมดสิ้นเดือนเมษายนตามปกติไม่มีปัญหาแน่นอน วันนี้ก็มีกำกับเพื่อวางแผนต่อเนื่องไปอีก 2 เดือน พฤษภาคม-มิถุนายน เพราะเกรงว่าหากฝนมาน้อยโอกาสก็มีสูง เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฝนมาปลายเดือนพฤษภาคม แล้วค่าเฉลี่ยฝนที่ตกลงมาจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ นั่นหมายความว่าเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ต้องรวมมาด้วย จึงวางแผนยืดการแก้ไขปัญหาภัยแล้งสิ้นเพื่อรอฝนถึงเดือนกรกฎาคม"
ปัจจุบันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการน้ำอุปโภคบริโภคได้ลงไปช่วยชาวบ้านแล้ว อย่างไรก็ดีเดือนพฤษภาคมมีฝนอยู่แล้ว ฝนบางส่วนต้องหาทางเก็บน้ำ แล้ววางแผนเผื่อแล้งฤดูหน้าปี 2564 ไปด้วย ถ้าฝนยังน้อย ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการวางแผนระยะสั้นและระยะยาวไว้ ก็คาดว่าจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนหรือ 6 เดือนที่พูดถึงน่าจะไม่มีปัญหาและรอดปลอดภัยสำหรับน้ำอุปโภคบริโภค
แต่เกษตรเดือดร้อนแน่นอนก็ต้องทำความเข้าใจกันและขอร้องเป็นนาปรังที่ปลูกเพิ่มในฤดูแล้งอย่าปลูกเลยวันนี้มีปลูกอยู่ 3 ล้านกว่าไร่แล้วทั่วประเทศ เฉพาะทุ่งเจ้าพระยาใหญ่ถึง 3.2 ล้านไร่ แต่ก็มีข้าวเดิมที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวอยู่บ้าง แต่คนที่ตัดสินใจเสี่ยงปลูกอาจจะทำให้ข้าวอยู่รอด แต่ไม่มั่นใจว่าจะถึงออกรวงหรือไม่ ถ้าไม่ถึงออกรวงเกษตรกรจะเดือดร้อน จะพลอยทำให้ลามเดือนร้อนไปดึงน้ำใช้อุปโภคบริโภคหรือน้ำในสัดส่วนภาคอื่นที่จัดสรรไว้แล้วเดือดร้อนไปด้วยก็ต้องทำความเข้าใจกัน
ส่วนกลไกในการช่วยเหลือเยียวยาภาครัฐก็อาจจะไปกำหนดมาตรการผ่านกระทรวงมหาดไทย และกระทรววงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป แต่ปัญหาจะไปกระทบกับเกษตรกรที่ทำดี และเชื่อฟัง อาจจะเป็น 2 มาตรฐาน ดังนั้นหากเป็นมาตรฐานเดียว ที่ได้แจ้งก่อนหน้านี้คืออย่าปลูกให้ไปปลูกพืชชนิดอื่นทื่ใช้น้ำน้อย หรือมีโครงการรัฐสนับสนุนให้ทำอย่างอื่นอยู่แล้ว เช่น การจ้างานของกรมชลประทาน แต่ถ้าฝืนเสี่ยงปลูกจะต้องใช้ไม้แข็งไม่จ่ายเงินเยียวยา
อย่างไรก็ตามนายสำเริง กล่าวทิ้งท้ายว่า บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าภาครัฐอาจจะดูแลไม่ทุกจุดพอได้รับทราบข้อมูลจะได้เร่งเข้าไปช่วยเหลือแจ้งมาได้เลยมีทุกจุด อย่างในพื้นที่จังหวัดอยู่ในเขตประปาภูมิภาคดูแลอยู่ ถ้านอกเขตทางกระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่ภายใต้กฎหมายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ). ซึ่งกฎหมายนี้จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานสามารถสั่งการหน่วยงานต่างจังหวัดได้ทั้งหมด เรียกว่าเครื่องไม้เครื่องมือและกำลังพล พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือทันที