โต้ ‘เพิ่มวันทำประมง’ อย่าบิดเบือน
ตามที่ปรากฏในสื่อ เกี่ยวกับการเพิ่มวันทำการประมงให้กับเรือประมงพาณิชย์ โดยไม่มีการเปิดให้มีการยกสิทธิทำการประมงให้กับเรือประมงพาณิชย์ตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทาการประมงพาณิชย์ พ.ศ. 2562 นั้น
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เผยว่า กฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทาการประมงพาณิชย์ พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2562 นั้นมีวัตถุประสงค์เป็นสาระสาคัญดังนี้ 1. เพื่อกาหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป (เริ่มปีการประมง วันที่ 1 เมษายน 2563) 2. เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการแก้ไขใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ในระหว่างรอบปีการประมง และเพื่อลด ความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องชาวประมงในการประกอบอาชีพทาการประมง ให้สามารถแก้ไขรายการผู้รับอนุญาต ชื่อเรือประมง รวมทั้งขนาดเรือประมงให้ตรงกับทะเบียน ของกรมการปกครองและกรมเจ้าท่าได้ เช่น แก้ไขชื่อเรือประมงให้ตรงกับทะเบียนเรือ เป็นต้น
หรือให้สามารถนำเรือประมงลำอื่นมาทดแทนเรือประมงที่ได้รับอนุญาตได้ เช่น กรณีเรือที่ได้รับอนุญาต เกิดเรือจม ไฟไหม้ ชารุดเสื่อมสภาพ เป็นต้น หรือ ให้สามารถขอเปลี่ยนแปลงเครื่องมือทำการประมงที่ได้รับอนุญาตจากเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง ไปยังเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพต่ากว่าได้ เช่น จากเครื่องมืออวนลากคู่เป็นอวนลากเดี่ยว หรือจากเครื่องมืออวนลาก ไปเป็นเครื่องมือลอบ เป็นต้น
นายมีศักดิ์ กล่าวว่า ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดอ่าว หรือลมมรสุม สามารถขอย้ายพื้นที่ ทำการประมงเป็นการชั่วคราวในระหว่างปีการประมงได้ เช่น เครื่องมืออวนล้อมจับฝั่งอ่าวไทยเมื่อถึงระยะเวลาปิดอ่าว ก็สามารถย้ายไปทำการประมงฝั่งอันดามันได้ หรืออวนครอบหมึกจากฝั่งอ่าวไทยย้ายไปทำการประมงฝั่งอันดามัน ในช่วงมรสุมได้ เป็นต้น
“ให้ผู้ได้รับอนุญาตที่มิได้ออกทำการประมงสามารถยกสิทธิปริมาณสัตว์น้ำที่ได้รับการจัดสรรในรอบปีการประมงนั้น ให้แก่เรือประมงลำอื่นในกลุ่มสัตว์น้ำเดียวกันในปีการประมงนั้น ๆ ได้ เช่น เครื่องมืออวนลากคู่ อวนลากแผ่นตะเฆ่ และอวนลากคานถ่าง สามารถนำปริมาณสัตว์น้ำที่ยังไม่ได้ใช้มายกสิทธิให้กับเรือลำอื่น โดยวิธีการขาย หรือการยกให้ เป็นต้น หรือให้ผู้รับอนุญาตที่ใช้เครื่องมือประสิทธิภาพสูงที่มีการควบคุมวันทำการประมงสามารถนำใบอนุญาต จากเรือประมงลำอื่นมาควบรวมเพื่อเพิ่มจานวนวันทำการประมงได้ โดยต้องนำเรือที่ถูกควบรวมออกนอกระบบ (นำไปทำลาย ขายต่อไปต่างประเทศ หรือเปลี่ยนประเภทเรือไปนอกภาคประมง)”
สำหรับประเด็นการเพิ่มวันทำการประมงให้ผู้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ที่กรมประมงออกประกาศ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 นั้น เป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงที่มีข้อเรียกร้อง เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ซึ่งได้มีข้อตกลงกับผู้แทนชาวประมงและนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2562 รับทราบด้วยแล้ว กรมประมงจึงได้นำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เพื่อออกประกาศให้มีการเพิ่มวันทำการประมงในทุกเครื่องมือทำการประมงที่ควบคุมวันให้สามารถทำการประมงได้ตลอดทั้งปีจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563
ยกเว้น เครื่องมืออวนลากในฝั่งอ่าวไทยให้เพิ่มวันทำการประมงได้ จำนวน 30 วัน เนื่องจากเรือประมงที่ได้รับจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำไว้แล้ว แต่ไม่ได้จับมาใช้ประโยชน์จึงมีปริมาณสัตว์น้ำคงเหลือที่สามารถนำมาจัดสรรเพิ่มวันทำการประมงได้ โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามปกติที่เคยปฏิบัติติดต่อกันมาโดยใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมกราคม 2561 เพิ่มวันทำการประมงให้กับเครื่องมือ ทุกประเภททำการประมงได้ตลอดทั้งปี และอวนลากฝั่งอ่าวไทย จำนวน 42 วัน
ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนมกราคม 2562 เพิ่มวันทำการประมงให้กับเครื่องมือทุกประเภททำการประมงได้ตลอดทั้งปี และอวนลากฝั่งอ่าวไทย จานวน 24 วัน ซึ่งการจัดสรรในลักษณะนี้เป็นการกระจายทรัพยากรของชาติซึ่งเป็นของส่วนรวมให้แก่ผู้ใช้ทรัพยากรเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
สาหรับประเด็นการยกสิทธิที่กาหนดในกฎกระทรวงเป็นการวางกรอบแนวทางไว้เป็นการล่วงหน้า เพื่อให้เกิด ความยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหาจำนวนวันทำการประมงเป็นรายบุคคล ในกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรเพิ่มวันทำการ ประมงเป็นการทั่วไปได้ ซึ่งการยกสิทธิเป็นรายบุคคลดังกล่าว กรมประมงจะเปิดให้สามารถดาเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
สอดคล้องกับนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านั้นในช่วงที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ และนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะที่ นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ในรัฐบาลชุดที่แล้ว ก็เคยจัดสรรเพิ่มวันทำการประมงให้กับชาวประมง มาแล้วในลักษณะเดียวกัน ไม่ใช่อธิบดีกรมประมงจะมาทำโดยพละการ เช่นเดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีก็นั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติมาแล้ว ซึ่งท่านก็ดูแลกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับเรื่องค้ามนุษย์ในเรือประมง เป็นความต่อเนื่องของการทำงานและการครอบคลุมงานมากกว่าไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้ง
“การจัดสรรโควตาปลาเพิ่ม นำมาคิดคำนวณจากเรือที่ไม่ได้ออกไปจับปลาให้กับเรือประมงทุกลำไม่ใช่ให้กับเรือลำใดลำหนึ่งเท่านั้น ขออย่าบิดเบือนข้อมูล สร้างความขัดแย้ง”