ยอดจองรถงาน Outlet ก.อุตฯ รวม 40 คัน มูลค่ากว่า 32 ล.

29 ธ.ค. 2562 | 06:35 น.

กสอ.เผยยอดจองรถงาน Outletมหกรรมสินค้า ราคาโรงงาน รวมกว่า 40 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 32 ล้านบาท ขณะที่สินค้าทั่วไปจากผู้ประกอบการยอดขายรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม  เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงาน “Outlet ของขวัญเพื่อประชาชน มหกรรมสินค้าราคาโรงงานระหว่างวันที่ 24 – 26 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ร่วมมือกับ 8 ค่ายรถยนต์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซูซูกิ เอ็มจี นิสสัน มิตซูบิชิ มาสด้า และโตโยต้า นำรถมาออกบูทพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยพบว่าได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก มียอดจองรถภายในงานจำนวน 15 คัน และมีแนวโน้มการจองในเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2563 อีก 27 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 32 ล้านบาท โดยรถที่ประชาชนและข้าราชการสนใจมากที่สุด คือรถค่ายมาสด้า มียอดจองในงาน 6 คัน ขณะที่ฮอนด้า มียอดจองในงาน 4 คัน และมียอดแนวโน้มการจองมากถึง 10 คัน  

ยอดจองรถงาน Outlet ก.อุตฯ รวม 40 คัน มูลค่ากว่า 32 ล.

ขณะที่ยอดจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการที่เคยเข้ารับการอบรม ส่งเสริม สนับสนุนจาก กสอ. ผ่านโครงการต่าง ๆ มีจำนวนรวมกว่า 1,500,000 บาท โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าฝ้ายย้อมคราม เครื่องประดับเงินแท้และคริสตัล กระเป๋าเครื่องหนัง เสื้อผ้าชาวเขา และอาหารสำเร็จรูป

ด้านยอดจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานอื่นในกระทรวงอุตสาหกรรม อาทิ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย พบว่ามียอดจำหน่ายรวมกว่า 13 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า/เครื่องแต่งกาย/เครื่องสำอาง อุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน

ยอดจองรถงาน Outlet ก.อุตฯ รวม 40 คัน มูลค่ากว่า 32 ล.

ทั้งนี้ตลอดการจัดงานกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนที่ร่วมงาน พบว่า 99% ต้องการให้จัดการต่อ โดยต้องการให้จัดการรูปแบบนี้ทุกปี เพิ่มวันจำหน่ายสินค้า ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณา

การจัดงาน Outlet ของขวัญเพื่อประชาชน มหกรรมสินค้าราคาโรงงาน นอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในกระทรวงอุตสาหกรรมในการลดภาระการจับจ่ายสินค้าให้ได้ราคาที่ถูกแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในการกระตุ้นยอดขาย และทดสอบตลาดสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ทำให้สามารถทราบความต้องการของผู้บริโภค เกิดการพัฒนาสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น ซึ่งนี่ถือเป็นภารกิจสำคัญของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในการปั้น ปรุง เปลี่ยน เอสเอ็มอีให้ดีพร้อม (DIProm) ตามที่ได้แถลงนโยบายปี 2563 ไปก่อนหน้านี้"