“สมคิด”ขอทุกฝ่ายสามัคคีร่วมแก้เศรษฐกิจ

01 ธ.ค. 2562 | 07:22 น.

“สมคิด” รองนายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลดูแลเศรษฐกิจไทยเต็มที่แล้ว ยันเศรษฐกิจไทยไม่แย่ขยายตัวติดลบ แต่เติบโตในอัตราชะลอตัวลดลง จากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แนะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่แทรกแทรงค่าเงินบาท เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ พร้อมแสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองและความแตกแยกห่วงทำรัฐบาลล่มโดยขอให้ทุกฝ่ายมีความสามัคคีร่วมแก้เศรษฐกิจก้าวข้ามความขัดแย้ง

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ร่วมมือร่วมใจนำประเทศสู่อนาคต”ของงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 37 ที่จังหวัดลำปาง  โดยย้ำให้ภาคเอกชนร่วมกับขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยในปีนี้ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมาแล้วถึง 4 ครั้ง อยู่ที่ 3 %   โดยระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังขยายได้ที่ 2.4%   แต่ในอัตราที่ลดลงไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นติดลบ เพราะการส่งออกได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทำให้โรงงาน แรงงาน ได้รับผลกระทบจากสายการผลิตหยุด คนตกงาน และว่างงาน 3-4 คน แต่เมื่อเทียบกับจำนวนแรงงานทั้งประเทศ 37 ล้านคน คิดเป็นเพียง 1% อัตราการว่างงานต่ำสุดในโลก

พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่แล้ว แต่มีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอ การส่งออกลดลง เงินบาทแข็งค่า ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้าไปดูแล แต่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงเพราะสหรัฐอเมริกากำลังจับตาประเทศไทยว่ามีการแทรกแซงค่าเงินซึ่งจะทำให้สหรัฐใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับไทยยิ่งซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจไทย 

ทั้งนี้นายสมคิด แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ว่า มีความขัดแย้งสูง สะท้อนจากการประขุมสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มมาแล้ว 2 ครั้ง โดยขอให้ทุกฝ่ายมีความสามัคคีก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้า   ทุกฝ่ายต้องมีการปรับตัว ซึ่งรัฐบาลเองก็มีการปรับตัวเหมือนกัน เรามีรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีซึ่งต้องทำหน้าที่ประคับประคองให้ได้อและทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน อยากมั่วแต่ขัดแย้งกัน นี้คือสิ่งที่ท้าสทาย เราจะเปลี่ยนไทยเป็นดิจิดอล เป็นหน้าที่ใคร รัฐมนตรีที่นั่งในสภา 34 คนหรือคงไม่ใช่ ทุกคนต้องช่วยกัน อะไรที่เป็นอุถปสรรคต่อการพัฒนาประเทศก็ออกกฎหมาย ไม่ใช้ตีกันอย่างเดียว  ตีรัฐบาลทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องช่วยกันพัฒนาประเทศ ตนอยากให้การเมืองย้อนไปเมื่อ20ปีก่อน ที่อภิปรายในสภาแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ มีอะไรก็ช่วยกัน 

 “สมคิด”ขอทุกฝ่ายสามัคคีร่วมแก้เศรษฐกิจ

“ผมไม่สนใจใครจะรักจะชังผม ผมใช้เวลากว่า10ปีทำเพื่อนบ้านเมือง อย่าเกลียดการเมือง ผมอยากให้ทำเพื่อบ้านเมือง ผมเป็นคนไม่มีพรรคมีแต่พวก อยากไปอยู่พรรคไหนก็อยู่ไป แล้วมาทำการเมือง มาเป็นรัฐบาล ผมพูดตรงไปตรงมา ตั้งแต่อยู่สมัยไทยรักไทย ผมเหนื่อยโซเซียล ผมเชื่อ คนตกงาน3-4แสนคน แต่แรงงานในประเทศมี37ล้านคน คนว่างงาน4แสนคน มันคือ1% ของแรงงานทั้งประเทศเราก็ต้องช่วยตรงนี้ ซึ่งบางสายการผลิตมีหยุดบ้าง แต่ไม่ใช่ไปออกโซเซียล ว่าไทยเจ๊ง ล้มแล้ว ตกลงเราต้องการให้ไทยเจ๊งหรือต้องการให้รัฐบาลเสื่อม มันไม่มีประโยชน์เลย แต่สิ่งที่เราต้องทำคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ช่วยกันคนละไม้ละมือ ทำให้ไทยดีที่สุด วันนี้ไทยเท่อยู่แล้วในอาเซียน แต่ต้องทำให้เท่จริงๆ ทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร ที่สำคัญใจต้องสู้ ต้องช่วยประเทศ และเด็กรุ่นใหม่ต้องเข้ามา อย่าเกลียดการเมือง ไม่งั้นก็เป็นแบบนี้มันสนุกมั้ย” 

ทั้งนี้นายสมคิด  ย้ำว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มรายได้และกำลังซื้อผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการชิมช้อปใช้  เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนส่วนการลงทุนภาครัฐชะลอตัวเนืองจากการเบิกจ่ายงบประมาณยังล่าช้าเนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า กระทรวงการคลังรายงานว่าขณะนี้มีงบประมาณรอเบิกจ่ายกว่า แสนล้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดคาดว่าหากสามารถขับเคลื่อนได้จะช่วยทำให้เกิดการลงทุนมากขึ้น

ขณะเดียวกันก็ขอให้เอกชน ใช้โอกาสจากเงินบาทที่แข็งค่าปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ปรับโครงสร้างการผลิต พัฒนาสู่อุตสาหกรรมใหม่สินค้าใหม่ ๆ สินค้านวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่า มากกว่าการขายสินค้าแบบเดิม ตลาดเดิม  เพราะขณะนี้รูปแบบของการค้าโลกเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่แล้ว เอกชนต้องพัฒนายกระดับตัวเองมากกว่าเรียกร้องให้ดูแลค่าเงินบาทเพราะไม่ง่าย  โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 4 นี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้ หากการท่องเที่ยวเป็นไปตามคาด รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง

ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทย  ระบุว่า เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวขณะนี้มาจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเงินบาทที่แข็งค่าเป็นหลัก และเห็นว่าการกระจายรายได้ยังไม่ทั่วถึง ทั้งนี้หอการค้าไทยได้ยื่นสมุดปกขาวสรุปผลการประชุมหอการค้าทั่วประเทศและแนวทางแก้ปัญหาหาเศรษฐกิจเสนอถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปด้วย