“สุริยะ”โต้ “จิราพร”ยัน คกก.ทุกคนมีส่วนร่วมร่างมติ

ประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายยันเปิดกว้างให้ทุกคนที่ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็น  และช่วยกันร่างมติจนเหมาะสม

                หลังจากที่รองศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงจิราพร  ลิ้มปานานนท์  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  คณะกรรมการวัตถุอันตราย  ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย  และได้ขอแย้งการแถลงข่าวของท่านประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย  ได้แก่  1.ขอแย้งว่าไม่ได้มีการลงมติอย่างชัดเจน ว่าผู้ใดเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอมในการรับมติ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น มติเอกฉันท์ เพราะหากพิจารณาในการอภิปรายจะพบว่า ดิฉันยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดในการแบนสารทั้งสาม และยืนยันให้คงมติวันที่ 22 ต.ค

2.ขอแย้งการแถลงข่าวที่ว่า ไกลโฟเสตไม่เป็นอันตราย เพราะกรรมการรวมทั้งดิฉันได้อภิปรายถึงผลเสียต่อสุขภาพและไม่สามารถจะจัดการความเสี่ยงต่อผู้บริโภค จนพบปนเปื้อนทั้งในสิ่งแวดล้อม ผัก ผลไม้ และน้ำนมแม่

ต่อเรื่องดังกล่าวนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันคตรายให้ความเห็นว่า ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา  คณะกรรมการฯทุกท่านได้ร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ  รอบด้าน  โดยพิจารณาข้อมูลจากตัวแทนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเสนอในที่ประชุม  อีกทั้งตนยังได้เปิดให้นำเสนอข้อมูลอย่างเต็มที่โดยไม่ปิดกั้น  และร่วมกันรับฟังและหารือจนถึงขั้นการเสนอมติฯร่วมกันจากข้อมูล ข้อเท็จจริง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านจึงมีการช่วยกันร่างข้อมูล  โดยที่คณะกรรมการทุกท่านช่วยร่วมกันร่างและเลขานุการเป็นคนพิมพ์มติฯในห้องประชุม

ทั้งนี้  โดยที่ทุกคนสามารถแสดงความเห็นและร่วมกันร่างจนได้ออกมาซึ่งมติที่คณะกรรมการฯเห็นว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ในขณะนี้  และไม่มีใครคัดค้าน  เพราะฉะนั้นจะบอกว่าไม่เห็นด้วยหลังจากประชุมไม่ได้  โดยเฉพาะท่านจิราพรเอง  ขณะที่ฝ่ายเลขานุการร่างมตินั้น  ท่านได้ร่วมร่างแสดงความคิดเห็นตลอด  อีกทั้งยังได้เดินไปคุยกับฝ่ายเลขานุการขณะช่วยกันร่างข้อมูล

“ตนยังแปลกใจเลยว่าหลังจากตนให้ที่ประชุมช่วยกันเสนอมติฯ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย  คุณจิราพรเองยังเป็นคนเดินไปให้ฝ่ายเลขาฯ แก้ไขข้อมูล  และตนได้ถามย้ำหลายครั้งแล้วว่ามีใครคัดค้านไหม  ในห้องไม่มีใครคัดค้าน มีเพียงกรรมการ 3 ท่านที่ขอตั้งข้อสังเกตว่าต้องการให้ขยายเวลาการแบนฯออกไป เพื่อให้กรมวิชาการเกษตรฯ นำข้อมูลเรื่องมาตราการรองรับให้รอบด้านและครบถ้วนกว่านี้  ตนก็ไม่รู้ว่าเมื่อออกนอกห้องประชุมทำไมจึงเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น”