ดัชนี MPI ตุลาคมหดตัว 8.45%

27 พ.ย. 2562 | 06:50 น.

สศอ. เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม 62 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.45% เป็นการหดตัวลงต่ำกว่าที่คาดจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง อีกทั้งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

นายอดิทัต  วะสีนนท์  รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนตุลาคม 2562 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.45% อยู่ที่ระดับ 95.70 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนตุลาคม 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และแปรรูปและถนอมผลไม้และผัก สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเกิดผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

ดัชนี MPI ตุลาคมหดตัว 8.45%

ทั้งนี้  ในเดือนตุลาคม 2562 มีมูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 62.83 เนื่องจากอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันบางรายมีการหยุดซ่อมบำรุงตามรอบปี ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมลดลงอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงมีการผลิตขยายตัวดีในเดือนตุลาคม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกเพิ่มขึ้นไปกลุ่มอาเซียน และอินเดีย รวมถึงคำสั่งซื้อเพิ่มจากญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป

ส่วนตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นตลาดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศชนิดอินเวอร์เตอร์  Hard Disk Drive ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้นหลังการปิดฐานผลิตที่ประเทศมาเลเซียตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและตอบสนองต่อการใช้งานประเภทต่าง ๆ ของลูกค้าได้มากขึ้น  สัตว์น้ำแช่เย็นหรือแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปลาแช่แข็ง และกุ้งแช่แข็ง รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าพร้อมทาน การขยายฐานลูกค้าในช่องทางการจำหน่ายออนไลน์และตลาดโมเดิร์นเทรดมากขึ้น

เบียร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 14.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของตลาดมากขึ้น สบู่ และสารซักฟอก เคมีทำความสะอาด ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยาสระผม ผงซักฟอก สบู่และเครื่องบำรุงผิว เนื่องจากการปรับเครื่องจักรของผู้ผลิตบางรายเพื่อรองรับ การผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค  ทั้งนี้ สศอ. ยังได้พิจารณาข้อมูลทางเทคนิคของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมที่ส่งผลต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้ โดยโรงกลั่นน้ำมันที่หยุดซ่อมบำรุง 2 แห่งนั้น มีการผลิตคิดเป็น 36% ของการผลิตทั้งหมด

นายอดิทัต กล่าวต่อไปอีกว่า แนวโน้มการขยายตัวของรายอุตสาหกรรมสำคัญปี 2563 นั้น  อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าดัชนีการผลิตและการส่งออกในภาพรวมปี 2563 ขยายตัวเล็กน้อยจากปีก่อน 1.2 - 1.5% และ 2.7 – 3% ตามลำดับ จากปัจจัยบวกอย่างความต้องการบริโภคของต่างประเทศเพิ่มขึ้นในตลาดหลักอย่างญี่ปุ่นเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 และตลาดจีนที่เพิ่มคำสั่งซื้อไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เนื่องจากในปี 2562 จีนได้ให้การรับรองโรงงานผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์ปีกของไทยมากขึ้น

                อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ปี 2563 คาดว่าจะได้รับผลบวกจากวัฏจักรของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในภาวะฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมีดัชนีผลผลิตและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.6% และ 1.5% ตามลำดับ โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น HDD และ IC ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ แนวโน้มของการผลิตรถยนต์ในปี 2563 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน

ดัชนี MPI ตุลาคมหดตัว 8.45%

                อุตสาหกรรมปิโตรเคมี แนวโน้มปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อย จากตลาดในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมขยายตัวได้ไม่มาก เกิดจากราคาและสถานการณ์การส่งออกที่ได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้า

                อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง การผลิตยางรถยนต์ในประเทศปี 2563 คาดว่าจะขยายตัว 1.27%
ตามแนวโน้มการขยายตัวของตลาดต่างประเทศ ในขณะที่การจำหน่ายในประเทศชะลอตัวลง 0.82%
จากการชะลอตัวของตลาด Replacement สำหรับถุงมือยางคาดว่าจะมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 3.04% และ 2.91% ตามลำดับ ตามแนวโน้มการขยายตัวที่ดีของตลาดส่งออกและความต้องการใช้ในประเทศที่สูงขึ้น

อุตสาหกรรมพลาสติก คาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติกปี 2563 จะขยายตัวเพียงเล็กน้อย โดยการผลิตในปี 2563 จะขยายตัว 1.33% การส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกจะขยายตัว 4.06% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวและการที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม 2563 จะส่งผลต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกเนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดคู่ค้าหลักของไทย

ดัชนี MPI ตุลาคมหดตัว 8.45%

                อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ คาดว่าการผลิตจะขยายตัว 2.18%  และการส่งออกขยายตัว 2.09% อย่างไรก็ตามในปี 2563 ยังมีปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว