เสียตลาดอียูใน5 ปี เอกชนจี้เร่งเอฟทีเอ        

28 พ.ย. 2562 | 07:15 น.

เอกชนหนุนทำเอฟทีเอไทย-อียู ชี้ได้มากกว่าเสีย ระบุกลุ่มสินค้าอาหาร อาหารสัตว์ได้ประโยชน์คงขีดแข่งขัน จับตาล่าช้าสินค้าเวียดนามฮุบตลาดใน 5 ปี จี้อียูลดอุดหนุนสินค้าเกษตรเพิ่มโควตาข้าว มัน ไก่ ให้ไทย

 

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การมีความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป
(อียู)ในมุมผู้ส่งออก จะเป็นผลดีต่อไทยมาก เพราะความสามารถในการแข่งขันของไทยจะไปสู่ระดับเดียวกับเวียดนาม และสิงคโปร์ที่มีเอฟทีเอกับอียูไปแล้ว หากไทยไม่ทำเอฟทีเอกับอียู ก็จะเป็นเพียงประเทศที่รับจ้างผลิตสินค้าให้สิงคโปร์ หรือเวียดนามเท่านั้น

สำหรับสินค้าไทยที่มีศักยภาพสูงและมีโอกาสเติบโตในตลาดอียูหากมีการทำเอฟทีเอ เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอาหารที่การส่งออกไปอียูขยายตัวได้ดีในปีที่ผ่านมา เช่น อาหารสัตว์ขยายตัว 26%, เนื้อปลาทูน่า ขยายตัว 28%, นํ้าปลา ขยายตัว 17%, ซอสพริกขยายตัว 49% หากไทยไม่ทำเอฟทีเอกับอียูในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยอาจเสียส่วนแบ่งตลาดอียูให้กับเวียดนามมากยิ่งขึ้น รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพไม่ว่าจะเป็น อาหารและเครื่องดื่ม ยางและผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกล

 

เสียตลาดอียูใน5 ปี  เอกชนจี้เร่งเอฟทีเอ        

 

ด้านนายทวีชัย เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้อำนวยการวิจัยสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนในด้านสินค้าพบว่าส่วนใหญ่ต้องการให้อียูลดการอุดหนุนสินค้าเกษตร โดยให้เพิ่มโควตาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารแทน เช่น เนื้อไก่ ข้าวสี ข้าวหัก มันสำปะหลัง เป็นต้น

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,526 วันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2562

เสียตลาดอียูใน5 ปี  เอกชนจี้เร่งเอฟทีเอ