“จุรินทร์” รุกหนักนำบริษัทด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไทยจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าต่างประเทศรวมกว่า 326 บริษัท ขายวันเดียวเกือบ 7,000 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(20 พ.ย. 2562) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานสักขีพยานการทำข้อตกลง MOU ในงานการจับคู่ธุรกิจ จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและใช้เวทีการเจรจาการค้าในโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป
เบื้องต้นมูลค่าการเจรจาจากการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป คิดเป็นจำนวน 232.6 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,980 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.มูลค่าการเจรจาจากการลงนาม MOU ระหว่างบริษัทไทย และคู่ค้าต่างประเทศได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน และอินเดีย จำนวน 14 ฉบับมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 138.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,160 ล้านบาท
ประกอบด้วย สินค้าข้าว (ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอม ข้าวขาว ข้าวเหนียว) ปริมาณรวม 145,000 ตัน ภายในหนึ่งปี สินค้าผลไม้อบแห้ง มะพร้าวอบแห้งมะม่วงอบแห้ง 500 ตู้ ภายใน 5 ปี สินค้ามะขามหวาน 20 ตู้ ภายใน 1 ปี การลงนาม MOU ข้อตกลงซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างกรมกับ Bigbasket.com ( บริษัท Supermarket Grocery Supplies Pvt. Ltd.) 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 150 ล้านบาท ภายใน 2 ปีและมูลค่าคาดการณ์การค้าภายในงานเจรจาจับคู่ธุรกิจอีก 94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2,820 ล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่งของประเทศไทยที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสจัดให้มีการพบปะกันระหว่างผู้ส่งออกของไทยและผู้นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ที่มาจากทั้งประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่นเกาหลีใต้ อาเซีย ตะวันออกกลาง สหภาพยุโรป อเมริกา และแอฟริกา รวมทั้งสิ้น 176 บริษัท ขณะเดียวกันก็มีบริษัทจากประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกมารวมกันอยู่ในที่นี้รวมทั้งสิ้น 150 บริษัท เพื่อเจรจาทำธุรกิจกัน ก่อให้เกิดการซื้อขายระหว่างกันที่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขส่งออกของประเทศไทยได้ในทันที
"โดยสินค้าที่จะนำมาใช้ในการเจรจาซื้อขายกันในที่ประชุมแห่งนี้ประกอบด้วยสินค้าทั้งหมด 5 หมวด ซึ่งจะมุ่งเน้นสินค้าทางการเกษตร และสินค้าเกษตรแปรรูป ประกอบด้วยยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ ซึ่งจะช่วยนำตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศไทยได้ต่อไป"