เอ็กซเรย์ 6 มาตรการที่รัฐบาลจีนออกโรงอุดหนุนผู้ส่งออกเหล็ก
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเหล็ก เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า อุตสาหกรรมเหล็กไทยและในอาเซียนเริ่มตกที่นั่งลำบากมากขึ้น เรื่อยๆ หลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มถึงทางตัน จากเดิมที่เคยพึ่งพาตลาดหลัก อย่าง อเมริกาและยุโรป แต่ หลังจากที่อเมริกาและจีนประกาศศึกสงครามการค้า ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกมาปรับยุทธศาสตร์การค้าในอุตสาหกรรมเหล็กขนานใหญ่
ทั้งนี้รูปแบบการอุดหนุนผู้ส่งออกเหล็กของรัฐบาลจีน มี 6 มาตรการ 1.การจัดหาวัตถุดิบ สินค้าและบริการโดยคิดค่าใช้จ่ายต่ำกว่าความเป็นจริง เช่นแร่เหล็ก ถ่านหิน เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เชื้อเพลิง สิทธิการใช้ที่ดิน ไฟฟ้า ไอน้ำ
“ตัวอย่างเช่น การใช้นโยบายของรัฐบาลผ่านโรงเหล็กที่ส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจ และนโยบายบิดเบือนการค้าอย่างการเก็บ Export tax สินค้าวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์เหล็กบางประเภท เช่น สแลป เหล็กแผ่นรีดร้อน เพื่อสร้างให้เกิดภาวะ over supply และกดให้ราคาเหล็กในประเทศจีนมีราคาที่ไม่สอดคล้องกับการค้าปกติ และเอื้อให้ผู้ผลิตเหล็กปลายน้ำมีวัตถุดิบต้นน้ำในราคาที่ต่ำผิดปกติ”
2.การให้เงินกู้และคิดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ 3.การแปลงหนี้เป็นทุน การเพิ่มทุน และการยกหนี้ให้ โดยเฉพาะกับบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจ 4.การอุดหนุนภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีทางตรงต่างๆ
5.โปรแกรมภาษีทางอ้อม เช่น การยกเว้น VAT และภาษีนำเข้าเครื่องจักรสำหรับบริษัทเป้าหมาย
6.โปรแกรมเงินช่วยเหลือ เช่น กองทุนพัฒนาเทคโนโลยี กองทุนพัฒนาการค้าต่างประเทศ เงินช่วยเหลือค่าทนายในการแก้ต่างมาตรการทางการค้า เงินอุดหนุนดอกเบี้ย เงินช่วยเหลือสำหรับการย้ายโรงงานไปพื้นที่อื่น เป็นต้น
“ตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนออกมาประกาศอุดหนุนผู้ส่งออก โดยปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็ก จำนวน 85 รายการ เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ความหนามากกว่า 3 มม. ที่มีค่า Yield Strength > 355 นิวตัน/มม. หรือการ ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13% หรือ เหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม. ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 0 เป็น 9% หรือ ท่อเหล็กและท่อเหล็กหล่อบางส่วนได้เพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13% จากมาตรการเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศจีนมีแรงจูงใจที่จะผลิตเพื่อการส่งออกมากขึ้นและประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญลำดับแรกในอาเซียนที่จีนเข้ามาตีตลาด”