ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

13 พ.ย. 2562 | 09:35 น.

เกษตรฯ ผนึกพาณิชย์ ดีลเจรจาขายยางจีนเอกชน 2 ราย ปริมาณ 2.6 แสนตัน มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ยังเปิดเกมรุกเดินหน้าขายยางตุรกีคาดความต้องการ 6 หมื่นตันต่อปีเล็งปั้นแบรนด์ กยท.ขายผลิตภัณฑ์ “เฉลิมชัย” ลั่นตั้งตลาดกลางยางโลกต้องปักหมุดเมืองไทยให้โลกอ้างอิงราคา

 

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562   นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าว การขายยาง เพิ่มปริมาณการส่งออก ร่วมกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีบริษัทเอกชนจากประเทศจีน จำนวน 2 ราย คือ 1. MR.SHOU LU Chief Executive DirectorHENGFENG RUBBER INDUSTRIAL PARK LIMITED ซื้อยางSTR 20  ปริมาณ 60,480 ตัน 2. นายประภาส ถิระภัทรโชติ ตัวแทนบริษัท FIFTH TRADING (HK) CO.,LTDFIFTH TRADING (HK)CO.,LTD ซื้อยางSTR 20 จำนวน 100,000 ตัน และยางแผ่นรมควันชั้น 3 อัดก้อน 100,000 ตัน รวมกว่า 2.6 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

“ยังมีมาตรการเสริม ที่สำคัญดังนี้โครงการส่งเสริม ลดการปลูกยางเชิงเดี่ยว สร้างรายได้ให้เกษตรกรยามราคายางตกต่ำ โครงการเพิ่มการใช้ยางในประเทศ ให้ส่วนราชการใช้ยาง โดยให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สรุป เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ ครม. ต่อไป และขอความร่วมมือจากเอกชน ทั้งนี้ rubber city ขยายการใช้ยางเป็น 10,000 ตันแล้ว และยังมีการขยายตลาด ซึ่งสำคัญมาก โดยจะร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผมได้นำภาคเอกชน และการยาง เปิดตลาดที่อินเดีย 100,000 ตัน มูลค่า 7.5 พันล้านบาท หลังจากนี้ กยท. จะรับซื้อยางโดยตรงจากเกษตรและสถาบันที่ราคาชี้นำ มาขายต่อไป ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อวงการยางพาราไทย ดังนี้ คือ 1. ได้ขยายช่องทางการจำหน่ายไปต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาดของ กยท.และเพิ่มอำนาจการต่อรองในเวทีโลก 2. ยกระดับราคายางไปสู่ราคาเป้าหมายนำ

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

3.สร้างแบรนด์ กยท. ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มธุรกิจยางทั่วโลก เพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกเหนือจากการเจรจาซื้อขายโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรอบนี้แล้ว ในวันที่ 15-19 พฤศจิกายน 2562 จะเดินทางไปทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศต่อเนื่องที่ประเทศตุรกี ความต้องการต่อปีใช้ยางมีถึงกว่า 6 หมื่นตัน จากนั้นจะไป เยอรมนี ซึ่งผลสรุปเจรจาการขายยางเป็นอย่างไรนั้นจะกลับมาแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง 

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

นอกจากนั้นในวันที่ 20 พ.ย.นี้ทางกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก็จะมีกิจกรรมแมชชิ่ง ระหว่างผู้ซื้อระหว่างผู้ขายยางพาราซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการยกระดับราคาและการเพิ่มศักยภาพตัวเลขการส่งออกเช่นกัน และในวันที่ 29-30 พ.ย.จะเป็นการจัดงานเอ็กโปร์ยางพาราโดยรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อิมแพค เมืองทองธานี อย่างยิ่งใหญ่และในงานนี้จะมีกิจกรรมแมชชิ่งระหว่าง กยท.กับหน่วยงานภาครัฐมากกว่า 10 แห่งที่จะเข้าร่วมโครงการใช้ยางพาราทุกผลิตภัณฑ์หรือใช้เป็นส่วนผสมต่างๆ รวมทั้งในส่วนที่จะมีความคืบหน้าการเจรจาซื้อขายยางพารากับภาคเอกชนเพิ่มเติมอีกด้วย

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้ดำเนินโครงการ การประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 วงเงินประมาณ 24,000 ล้านบาท ตามที่โยบายของรัฐบาลและตามคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา  โดยสามารถ "ทำได้ไว ทำได้จริง " ภายในเวลาเพียง 98 วันหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (25 กรกฎาคม 2562 ) โดยเกษตรกรชาวสวนยางได้ขึ้นทะเบียนและแจ้งพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ เป็นสวนยางอายุ 7 ปี ขึ้นไป ราคาในโครงการประกันรายได้ 

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

คือ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี​ กก.ละ  60 บาท น้ำยางสด กก.ละ  57 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ  23 บาท และเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. จำนวน 1,711,252 ราย เป็นยางแผ่นดิบ 150,803 ราย น้ำยางสด 470,767 ราย และยางก้อนถ้วย 790,447 ราย โครงการนี้ kick off จ่ายเงินงวดแรกพร้อมกันทั่วประเทศไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

นอกจากนั้นรัฐบาล และกระทรวงเกษตรฯ ได้มาตรการเสริม หรือ มาตรการคู่ขนาน คือ  1. โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยาง (วงเงิน 10,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ที่มีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรได้รับอนุมัติวงเงินกู้ยืมจาก ธ.ก.ส. จำนวน 388 แห่ง เป็นเงินกว่า 7,000 ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้จริงจาก ธ.ก.ส. จำนวน 375 แห่ง เป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาท 2. โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพารา (วงเงิน 5,000 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินงาน 1 ก.ย. 57 - 31 ธ.ค. 63 และ 3. โครงการสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (น้ำยางข้น) (วงเงิน 10,000 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินงาน พ.ค. 60 - เม.ย. 62

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

4. โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน แก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) (20,000 ล้านบาท) เพื่อดูดซับยางออกจากระบบประมาณร้อยละ 11 ของผลผลิตยางแห้ง หรือ 350,000 ตัน จากผลผลิตยางแห้งทั้งปีที่มีประมาณ 3,200,000 ตัน 5.โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง (วงเงินสินเชื่อ 25,000 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินงาน ปี 59 – 69 เป้าหมายเป็นผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางขั้นปลายน้ำ ทั้งผลิตภัณฑ์ยางจากน้ำยางข้นและผลิตภัณฑ์ยางจากยางแห้ง ที่ใช้ยางพาราในประเทศ เน้นแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมูลค่าสูง เช่น ถุงมือยาง ยางยืด ยางล้อ ยางที่ใช้ในงานวิศวกรรม และอื่นๆ 6.โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางและสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

7.โครงการสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางพารารายย่อย เพื่อประกอบอาชีพเสริม (พฤศจิกายน 2557-พฤศจิกายน 2562 ) (งบประมาณ 15,000 ล้านบาท ) 8. โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ไร่ละ 1,800 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ (แบ่งเป็นชาวสวน 1,100 บาท/คนกรีด 700 บาท) ระหว่าง ธันวาคม 2561-กันยายน 2562 (งบประมาณ  17,007 ล้านบาท ) 9. โครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ของสถาบันเกษตรกร โดยให้ใช้สินเชื่อจากสภาพคล่อง ธ.ก.ส. ในวงเงิน 5,000 ล้านบาทอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 61 -  28 ก.พ.63 ต่อมาคือ 10.โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร สร้างถนนพาราซอยด์ซีเมนต์ (para soil-cement) ทั่วประเทศจำนวน 75,032 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 กม. รวมระยะทาง 75,032 กม.(ระยะเวลาดำเนินงาน เดือน ธ.ค.61 – ก.ย.62 เงินงบประมาณ 92,327 ล้านบาท)

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

11.โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐมุ่งผลักดันนโยบายการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐใช้วัตถุดิบยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรชาวสวนยาง โดยความต้องการใช้ยาง และ 12.คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการยางที่มีปริมาณการรับซื้อตั้งแต่เดือนละ 5,000 กก.ขึ้นไป แจ้งปริมาณการซื้อ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณการใช้ไป ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บสินค้ายางพารา ตลอดจนให้จัดทำบัญชีคุมรายวัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ทุกเวลา อย่างไรก็ดีจะต้องตั้งตลาดกลางให้ได้ เพื่อให้โลกใช้เป็นราคากลางอ้างอิง

 

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

ด้านนายสุนันท์ นวลพรหมสกุล  รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราประสบกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ช่วงหลังราคายางเริ่มกระเตื้องขึ้น จาก 1. ความต้องการในตลาดโลกที่มากกว่าการผลิต โดยทั้งโลกใช้ยาง 13 ล้านตัน ใช้ 12.8 ล้านตัน ที่เกิดจาก 2. พื้นที่ปลูกลดลง เรื่องจากมีการปลูกแบบผสมผสาน ทำให้ราคาสูงขึ้น ในตลาดล่วงหน้าต่างๆในต่างประเทศ 3.ยังเกิดจากนโยบายยกระดับราคายางจากรัฐบาลด้วย 4. ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ราคายางสังเคราะห์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การยกระดับราคายางต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ขอเรียนว่าสถานการณ์ราคายางปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

“มูลค่าการส่งออกในปี 2562 ระหว่างมกราคม - กันยายน 2562 อยู่ที่ 128,696 ล้านบาท ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลีใต้ ส่วนคู่แข่งที่สำคัญคือประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม โดยในปี 2561 ปริมาณการส่งออกรวม 4.15 ล้านตัน และในจำนวนนี้ส่งออกไปยังประเทศจีนรวม 2.48 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 59.7 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด”

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น

ส่วนสถานการณ์ปี 2562 กำลังอยู่ระหว่างการเร่งผักดันการส่งออกนอกโควตา ข้อตกลงหรือ MOU เดิม ทั้งนี้ เพื่อผลักดันราคายางพาราเพื่อรองรับการช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลสำหรับปริมาณยางในสต๊อกขณะนี้มีอยู่ประมาณ 1.04 แสนตัน ซึ่งจะต้องเร่งรัดในการส่งออกและเชื่อว่าจะทำให้ราคายางขยับตัวสูงขึ้น

ฟุ้งขายยางจีน 2.6 แสนตันคาดราคาขยับขึ้น