ผู้ใช้ไฟเฮ! กกพ. “สั่ง”ตรึง ค่าเอฟทีที่ -11.60 สต.ต่อหน่วย

11 พ.ย. 2562 | 04:44 น.

 

ผู้ใช้ไฟเฮลั่น!“กกพ.” มอบของขวัญปีใหม่  “สั่ง”ตรึง ค่าเอฟทีที่ -11.60 สต.ต่อหน่วย ส่งผลค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.- เม.ย. 2563คงเดิม มุ่งเน้นลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศปรับตัวดีขึ้น         

 

นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ให้คงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที)สำหรับการเรียกเก็บเดือนมกราคม – เมษายน 2563 จำนวน-11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่3.64 บาทต่อหน่วย ต่ออีก 4 เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 6,869 ล้านบาท ในการบริหารจัดการค่าเอฟที

 ทั้งนี้เงินในการบริหารจัดการเอฟทีในงวดม.ค.- เม.ย.2563 มาจากเงินที่ได้จากค่าปรับกรณีโรงไฟฟ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญาและกรณีขาดส่งก๊าซธรรมชาติ จำนวน 264.97 ล้านบาท และส่วนที่เหลือประมาณ 6,604ล้านบาท มาจากการกำกับฐานะการเงินให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนด ซึ่งเป็นผลจากการประมาณการค่าเชื้อเพลิงในงวดปัจจุบัน (ก.ย.- ธ.ค.2562) เทียบกับราคาค่าเชื้อเพลิง ณ ปัจจุบัน ยังต่ำกว่าที่ประมาณการที่ตั้งไว้และทำให้ยังมีเงินคงเหลือในการบริหารจัดการค่าเอฟที

“แนวโน้มปัจจัยหลายตัวที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีปรับตัวดีขึ้นกว่างวดก่อนอาทิ ราคาก๊าซที่มีแนวโน้มลดลง อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ทำให้ค่าเอฟทีปรับลดลงได้ในทันทีแต่ก็ทำให้ กกพ. สามารถบริหารจัดการค่าเอฟทีได้ดีขึ้น และด้วยความตระหนักถึงการมุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและการสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมให้ปรับตัวดีขึ้นกกพ.ยังคงต้องบริหารจัดการค่าเอฟทีต่อเนื่องและมีมติตรึงค่าเอฟทีต่ออีก 4 เดือน”

ผู้ใช้ไฟเฮ!  กกพ. “สั่ง”ตรึง ค่าเอฟทีที่ -11.60 สต.ต่อหน่วย

นฤภัทร อมรโฆษิต

ทั้งนี้ปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในงวด ม.ค.-เม.ย. 2563 ประกอบด้วย          1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือนม.ค. – เม.ย. 2563 เท่ากับ 65,724 ล้านหน่วยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2562 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 64,195 ล้านหน่วยหรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.38ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อน          2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนม.ค. – เม.ย. 2563ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 57.71 ถ่านหิน ร้อยละ 17.62 และการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศร้อยละ 14.75        

  3. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับ 266.69 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา23.70 บาทต่อล้านบีทียู ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,471.60 บาทต่อตัน ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา267.71 บาทต่อตัน        ประเภทเชื้อเพลิง หน่วย ก.ย. – ธ.ค. 62 (ประมาณการ) [1] ม.ค. – เม.ย. 63 (ประมาณการ) [2] เปลี่ยนแปลง [2]-[1] - ราคาก๊าซธรรมชาติ ทุกแหล่ง* บาท/ล้านบีทียู 290.39 266.69 -23.70 - ราคาน้ำมันเตา FO 3.5%S บาท/ลิตร 19.53 18.54 -0.99 - ราคาน้ำมันดีเซล บาท/ลิตร 25.18 22.53 -2.65 - ราคาลิกไนต์ (กฟผ.) บาท/ตัน 693.00 693.00 0.00 - ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ย (IPPs) บาท/ตัน 2,739.31 2,471.60 -267.71

4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนกันยายนเท่ากับ30.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่ากว่าช่วงที่ประมาณการในงวดเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2562 ซึ่งใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม2562 ที่ 31.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ