3 องค์กร ผนึกกำลังปักธงมาตรฐาน BIM

06 พ.ย. 2562 | 13:39 น.

วสท. สภาวิศวกรและสถาปนิก 3 องค์กร ชู Digital Construction ผนึกกำลังปักธงมาตรฐาน BIM ครั้งแรกในประเทศไทย หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้าง 1.2 ล้านล้านบาท สู้ศึกเทรดวอร์และดิสรัปชั่น

 

3 องค์กร ผนึกกำลังปักธงมาตรฐาน BIM

 

          ท่ามกลางสงครามการค้า การแข่งขันและดิสรัปชั่น อุตสาหกรรมออกแบบและก่อสร้าง มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเมืองและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศปีละกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ผู้ประกอบการ สถาปนิก วิศวกร จำเป็นจะต้องเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรมก่อสร้างดิจิทัล หรือ “Digital Construction” ในโอกาสที่ วสท. เตรียมจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ร่วมกับ สภาวิศวกร และสภาสถาปนิก ผนึกกำลัง 3 องค์กร ร่วมกับสมาคมและเครือข่ายอุตสาหกรรมก่อสร้างปักธงมาตรฐาน BIM Standard ของประเทศไทย หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้าง 1.2 ล้านล้านบาท สู้ศึกการค้าและดิสรัปชั่น เพื่อเร่งพัฒนาบุคลากรขับเคลื่อน Smart Cities และ Digital Thailand 4.0 พร้อมข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลให้บรรจุการพัฒนา BIM ในแผนดิจิทัลแห่งชาติและ Thailand 4.0

 

ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม

 

เปลี่ยนผ่านการพัฒนาประเทศสู่ Digital Construction

          ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม กรรมการ วสท. และประธานจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญสงครามการค้าและดิสรัปชั่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและสถาปัตยกรรมสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ้งเป้าหมายปี 2563 ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท วิศวกรในประเทศไทยมีจำนวน 240,000 คน สถาปนิก 20,000 คน ผู้ประกอบการและซัพพลายเชนอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านเพื่อก้าวสู่แพลตฟอร์ม “Digital Construction” และภูมิทัศน์ใหม่ๆ BIM (Building Information Modeling) เป็นหนึ่งในกลไกของ Digital Infrastructure กระบวนการบูรณาการของทุกส่วนในงานก่อสร้างบนโมเดลเดียวกัน สร้างความก้าวหน้าท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น เทรดวอร์และคลื่นเทคโนโลยีที่กำลังถาโถมเข้ามา อาทิ การสื่อสาร 5G , 3D printing , Robotic และ Automation ในงานก่อสร้าง พัฒนางานก่อสร้างให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ประหยัดกำลังคนแก้ปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน ประหยัดเวลาและพลังงาน ตลอดจนการบริหารจัดการที่แม่นยำและโปร่งใส

 

วิจิตร ศิลาวิเศษฤทธิ์

 

BIM เป็นกระบวนการครบวงจรชีวิตอาคาร เป็นฐานข้อมูลเมืองดิจิทัล

          นายวิจิตร ศิลาวิเศษฤทธิ์ สภาสถาปนิก กล่าวว่า BIM หรือ Building Information Modeling เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับวงการก่อสร้างไม่ใช่ซอฟท์แวร์แต่เป็นกระบวนการ ตั้งแต่การเริ่มต้นของอาคารจนครบวงจรชีวิตของอาคาร (Life Cycle) เริ่มตั้งแต่การวางโจทย์โครงการ , ออกแบบแนวคิดโครงการ , การออกแบบอาคารหรือโครงสร้างด้วยแบบจำลอง 3 มิติ โดยสามารถสร้างแบบจำลองเสมือนจริงในคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการคำนวณระบุขนาด สเปค จำนวนวัสดุ เหล่านี้จะส่งผลดีต่อสถาปนิกและวิศวกรผู้ออกแบบทุกฝ่าย ทั้งงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบ สามารถทำงานบนโมเดลเดียวกันได้ ทำให้ประสานงานระหว่างทีมออกแบบและบริหารต้นทุนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดกระบวนการตั้งแต่ออกแบบจำลองแบบอาคาร 3 มิติ ทดสอบ และก่อสร้าง ในอนาคตบทบาทของอุตสาหกรรมก่อสร้างและ BIM จะสามารถวางโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบของ BIM ซึ่งจะช่วยให้เกิดการบริหารจัดการเมืองแบบ Smart City ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีข้อมูลของเมืองในรูปแบบ Digital สามารถนำไปใช้กับการวิเคราะห์ บริหารจัดการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในยุคดิสรัปชั่นสถาปนิกและวิศวกรต้องเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เช่น BIM , AI จะเป็นปัจจัยพื้นฐานต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ

 

3 องค์กร เร่งมาตรฐาน BIM  Standard ประเทศไทย

          ความร่วมมือของ 3 องค์กร  คือ วสท. , สภาวิศกร และสภาสถาปนิก ร่วมกับสมาคมและเครือข่ายอุตสาหกรรมก่อสร้างในการจัดทำ BIM Standard สำหรับประเทศไทยนั้น ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม กรรมการ วสท. กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราได้ศึกษาและวิจัยพัฒนาแนวทางการใช้เทคโนโลยี BIM 2 เล่ม ด้วยความร่วมมือจากองค์กรในประเทศและนานาประเทศ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม BIM Standard จะเป็นมาตรฐานกลางที่สามารถใช้ทำงานร่วมกับผู้อื่น ต่างองค์กรและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2563 จะเห็นได้ว่าการพัฒนา BIM ในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย รุดหน้าไปไกลแล้ว ตามด้วยประเทศเวียดนามเจริญเติบโตไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมสูง จึงมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ทั้งทางด้านสาธารณูปโภค โครงการพัฒนาเมืองใหม่ การพัฒนาคมนาคม และ

          การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ สำหรับประเทศไทยเองมีศักยภาพและจุดเด่นการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน แต่ยังนำเทคโนโลยี BIM มาใช้ไม่กว้างขวางนัก เนื่องจากชุดคำสั่งมีราคาต้นทุนสูง และการใช้งานหลายอย่างไม่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างในประเทศไทย ทำให้หลายองค์กรยังคงนิยมใช้เทคโนโลยีดั้งเดิมแบบ 2 มิติ (AutoCAD)

 

3 องค์กร ผนึกกำลังปักธงมาตรฐาน BIM

 

งานวิศวกรรมแห่งชาติ 62 เปิดเวทียกร่าง Digital Construction

          ทั้งนี้ ในงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 ซึ่งจัดโดย วสท. วันที่ 13 – 15 พ.ย. 62 ณ ฮอลล์ 4 อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายใต้ธีม “Engineering for Society : Digital Transformation” เป็นมหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี พร้อม 55 หัวข้อสัมมนา สำหรับคนไทยได้มาอัพเดทกับโลกที่เปลี่ยนแปลง จะเปิดเวทีเสวนา เรื่อง “ 3 องค์กรวิชาชีพปักธง BIM Standard ประเทศไทย...ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างดิจิทัลรองรับยุคเทรดวอร์ - ดิสรัปชั่น” เพื่อเสนอข้อกำหนดต่างๆ สู่การยกร่างเป็นมาตรฐานดิจิทัลคอนสตรัคชั่น (Digital Construction) ระดับประเทศ

 

กิตติพงษ์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์

 

เสริมศักยภาพขีดการแข่งขัน ก่อสร้างมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท

          นายกิตติพงษ์ วีระโพธิ์ประสิทธิ์ กรรมการ สภาวิศวกร กล่าวว่า อุตสาหกรรมไทยมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น มูลค่าก่อสร้างในภาครัฐในปี 2561 มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะมีมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาทในปี 2562 (สัดส่วนปี 61 เป็นงานก่อสร้างภาครัฐ 53% และงานก่อสร้างภาคเอกชน 47%) เติบโตเฉลี่ย 3 - 5% วิจัยกรุงศรีคาดว่ามูลค่าการลงทุนอุตสาหกรรมก่อสร้างโดยรวมในปี 2562 ปี 2563 และปี 2564 จะเติบโต 3.5 - 5.0% , 5 - 7% และ 7.5 - 9.5% ตามลำดับ ผลจากการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและการลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณงานก่อสร้างในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ระยะ 3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มขยายตัวเช่นเดียวกัน ความท้าทายของประเทศไทย ท่ามกลางสงครามการค้าและดิสรัปชั่น เป็นบททดสอบให้ผู้ประกอบการ 80,000 ราย วิศวกรกว่า 240,000 คน และคนไทยทุกคนได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง อุปสรรคมักเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสใหม่ๆ เสมอ

 

ทรงพล ยมนาค

 

ประโยชน์ของ BIM Standard ต่อประเทศไทย

          นายทรงพล ยมนาค ผู้ทรงคุณวุฒิ สภาสถาปนิก กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ สถาปนิก วิศวกร ต่างคนต่างใช้ BIM จากประเทศต่างๆ โดยที่เรายังไม่มีมาตรฐาน BIM Standard ของประเทศไทยเลย ทั้ง 3 องค์กรจึงจับมือพัฒนา BIM Standard เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผลดีเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยหลายด้าน คือ 1. ส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ที่สร้างรายได้แก่ประเทศ 2. เป็นมาตรฐานกลางทั้งทางด้านโปรแกรม และผู้ใช้งาน และแนวทางการเลือกใช้งาน BIM สามารถส่งต่อข้อมูลข้ามประเทศได้อย่างสอดคล้องกันกับมาตรฐานของนานาประเทศ 3. เสริมสร้างความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการก่อสร้างและสถาปัตยกรรมทำให้วิศวกร สถาปนิก และบุคลากรในวิชาชีพพัฒนาเรียนรู้ก้าวทันโลก 4. ยกระดับความก้าวหน้าในการประกอบวิชาชีพด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี 5. ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง 6. ส่งเสริมคุณภาพและประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ถูกต้องแม่นยำและโปร่งใสด้วยธรรมาภิบาล

 

ดร.ธเนศ วีระศิริ

 

5 ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ขับเคลื่อน BIM วาระแห่งชาติ

          ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ สรุป 5 ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้   1. ขอให้รัฐบาลบรรจุแผนพัฒนา BIM เป็นวาระแห่งชาติ ไว้ในแผน Digital แห่งชาติและ Thailand 4.0 ดังเช่น ประเทศเวียดนามที่ล้ำหน้าประเทศไทยไปไกล เนื่องจากนายกฯ เวียดนามผลักดันและลงนามในแผน BIM แห่งชาติด้วยตนเอง   2. รองรับอนาคต โดยBIM จะเชื่อมต่อทำให้นโยบายพัฒนา Smart Cities ของไทยมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนได้รวดเร็ว   3. เร่งยกระดับการพัฒนาประเทศและศักยภาพก่อสร้างไทยเป็น Digital Constructions  ที่แข่งขันได้ในเวทีสากล อาเซียนและ RCEP   4. รัฐบาลควรเร่งพัฒนาบุคคลากรด้าน BIM ใน 2 กลุ่ม คือ 1. บรรจุเข้าหลักสูตรมหาวิทยาลัย และอาชีวศึกษา 2. Reskill คนทำงานและผู้ประกอบการให้อัพเดทกับเทคโนโลยี BIM   5. หน่วยงานรัฐควรส่งเสริมการใช้ Thailand BIM Standard เพื่อเป็นมาตรฐานกลางของประเทศไทยสำหรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยสอดคล้องกับหลักสากล

 

3 องค์กร ผนึกกำลังปักธงมาตรฐาน BIM