นายกฯวอนอย่าตื่นตระหนกสหรัฐตัดจีเอสพีไทย

28 ต.ค. 2562 | 07:36 น.


นายกฯวอนอย่าตื่นตระหนกสหรัฐตัดจีเอสพีไทย ระบุยังมีเวลาหารืออีก 6 เดือน อย่าพูดให้เลวร้ายกว่าเดิม ยันต้องเคารพกฎหมายแต่ละประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกามีคำสั่งระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้าจากประเทศไทย ว่า เป็นเรื่องของสหรัฐฯ เป็นเรื่องของกฎหมายใคร ก็กฎหมายเขา ซึ่งมีการทำงานของหน่วยงานเขา ของเราก็มีของเรา จึงไม่อยากให้ไปคาดเดาว่าตัดตรงนี้เพราะอะไร อย่างไร 


“รัฐบาลทราบมาอยู่แล้วว่าจะมีปัญหาตรงนี้ ที่ผ่านมาก็แก้ปัญหามาโดยตลอด กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ก็ได้มีการเจรจา ต่อรองเยอะแยะ โดยข้อสำคัญเราเจรจาอย่างเดียวไม่ได้ เราก็ต้องแก้ไขปัญหาภายในของเราด้วย โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาแรงงาน เราก็จะต้องไปดู ว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างมันมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ที่เกี่ยวข้องกับในประเทศของเรา ทั้งคนของเรา แรงงานของเรา แรงงานต่างด้าวในประเทศของเรา ซึ่งเราพยายามเดินหน้าเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นวันนี้ตนคิดว่า จะคาดเดาไม่ได้ เหมือนเขาก็คาดเดาเราไม่ได้เหมือนกัน ว่าเราจะทำอะไรต่อไป จึงขึ้นอยู่กับกติกา มันอยู่ตรงไหน”

     

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า กติกาของเรา เราก็ทราบอยู่แล้วในหลายเรื่องด้วยกัน วันนี้อยากจะบอกว่าคงไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือว่ากล่าวให้ร้ายกันไปมา มันไม่เกิดประโยชน์ และเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงมา ก็คิดว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะเห็นว่ารัฐบาลก็ได้ทำมาโดยตลอด เพียงแต่ระยะเวลาที่ดำเนินการมา ได้ทำหลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะกฎหมายแรงงานคือปัญหาหลักของเรา และเป็นกฎหมายของเราในประเทศของเรา ถ้าเราทำตามเขามากๆ เราจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่ากับเราเอง เพราะฉะนั้น เราต้องลดทั้งปัญหาภายใน และภายนอกไปด้วยกัน
       

“วันนี้เท่าที่ได้ฟังตัวเลขต่างๆ ก็เป็นจำนวนไม่มากนัก ทั้งหมดกว่า 500 รายการ เราใช้ไปประมาณ 300 กว่ารายการ อีก 100 กว่ารายการเราก็ไม่ได้ใช้ของเขา สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ เราต้องตื่นตัว แต่รัฐบาลตื่นอยู่แล้ว ภาคเอกชนก็ต้องตื่นตัวไปด้วยในการพัฒนาเรื่องเหล่านี้ รวมถึงการดูแลแรงงานในประเทศไทยด้วย”

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีเวลาอีก 6 เดือน เราก็ต้องหาวิธีการพูดคุยกันต่อไป ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายของเขา กฎหมายใครก็ต้องกฎหมายใคร แล้วก็อย่าไปคาดเดาว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้น เรื่องนี้ มันคนละเรื่อง 


“อย่าให้เป็นปัญหาทางการเมืองอีกแล้วกัน และอย่าพูดให้ทุกอย่างมันเลวร้ายไปกว่าเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ต้องมีอยู่ คู่ค้าสำคัญของเราเหมือนกัน จะบอกว่าอย่างนู้น อย่างนี้ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของเขา นโยบายของเราก็คนละอันกัน  แต่จะทำอย่างไรให้ร่วมมือกันได้ หยุดเถอะเรื่องพวกนี้ ไม่เกิดประโยชน์หรอก มันจะเสียหายมากกว่าเดิม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว     

 

เมื่อถามว่ามีเวลาอีก 6 เดือนที่จะมีผลบังคับใช้ การเจรจาจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเราทำได้มากน้อยแค่ไหน บางอย่างเราทำได้หรือไม่ได้ ก็ต้องศึกษาดู มีหลายเรื่องก็ต้องไปดูว่าทำไมเราถึงทำตรงนี้ไม่ได้ ก็ไปว่ากันต่อไป


เมื่อถามว่าในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หากพบกับผู้นำสหรัฐฯ หรือผู้แทน จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องคุยกันอยู่แล้ว อาจจะในเวที

 

“ผมคิดว่าเราคุยกันได้ อะไรที่เป็นสิทธิประโยชน์ วันนี้เขาคืนมา 7 อย่างไม่ใช่หรือ ของเก่ามีตั้ง 500 กว่ารายการ เราใช้ไปแค่ 300 กว่ารายการ ส่วนที่เหลือไม่ได้ใช้ แล้วมูลค่าเหล่านี้ก็ไม่มากนัก แต่ข้อสำคัญต้องไปดู ว่าสินค้ามีความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงน้อยจะไปแก้กันอย่างไร จะดีลกันอย่างไร ขณะเดียวกัน ยังไงเราก็ต้องคบค้าสมาคมกันต่อไป มีการแลกเปลี่ยนซื้อของซึ่งกันและกัน บางทีการเมืองกับเศรษฐกิจมันก็เกี่ยวข้องกันหมด เราก็อย่าให้มันแย่ลงไปก็แล้วกัน อย่าไปยึดโยงกับอย่างอื่นแล้วกัน อย่าไปคาดเดานี้นู้น  พอดีมีเรื่องนี้อยู่ ก็กลายไปตรงนู้น  มันเป็นห้วงระยะเวลาที่ออกมาตามกำหนดของเขา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว