พาณิชย์หนุนโคเนื้อ ใช้FTA ขยายตลาดส่งออก

20 ก.ย. 2562 | 10:37 น.

 

‘วีรศักดิ์’ เตรียมลงพื้นที่มุกดาหาร หนุนเกษตรกรโคเนื้อ ใช้เอฟทีเอขยายส่งออกตลาดต่างประเทศ ไปอาเซียนและจีน พร้อมเตรียมรับมือโคเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ไทยต้องลดภาษีนำเข้าในปี 2564

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำคณะลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและกลุ่มสหกรณ์จังหวัดมุกดาหาร ระหว่างวันที่ 23-24 กันยายน 2562 เพื่อผลักดันนโยบายให้สหกรณ์และเกษตรกรใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรในพื้นที่ โดยเฉพาะสินค้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์ไปตลาดต่างประเทศ อาทิ อาเซียนและจีน ซึ่งไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกจากไทยแล้วภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในเอฟทีเอ

โดย จะลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกร และสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด อำเภอหนองสูง ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเลี้ยงโคขุน จำนวน 3,181 ราย จำนวนโคที่ขึ้นทะเบียนขุน 5,200 ตัว มีปริมาณการเลี้ยงโคขุนสูงเป็นลำดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการ พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี ให้กับสมาชิกสหกรณ์ เกษตรกร ในจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ นครพนม และสกลนคร เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีโคเนื้อ การเปิดตลาดสินค้าโคเนื้อและผลิตภัณฑ์สู่ตลาดต่างประเทศ

ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้สอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการช่วยกระจายสินค้าในภูมิภาคของไทยไปต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยมีรายได้ที่มั่นคง โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรวบรวมโคเนื้อเพื่อชำแหละแปรรูปเนื้อโคคุณภาพ ส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ เช่น บริษัท สยามแมคโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท โชคชัยอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด บริษัท อาร์โนส์ เซ็นทรัล บุชเชอร์ จำกัด บริษัท กินชะโด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

โดยสหกรณ์ฯ ยังมีแผนจะส่งออกเนื้อโคไปตลาดญี่ปุ่นที่มีความต้องการบริโภคสูงด้วย นอกจากนี้ ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ จะมีการเสวนา เรื่อง ติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ และ ยกระดับการแข่งขันสหกรณ์ไทย ให้ก้าวไกลในโลกการค้าเสรี โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาวิเคราะห์สินค้า และแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้กับสหกรณ์อีกด้วย ทั้งนี้ มั่นใจว่าการลงพื้นที่และการสัมมนาฯ ครั้งนี้ จะทำให้สหกรณ์ เกษตรกร เข้าใจถึงช่องทางการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ขยายช่องทางการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอาเซียน-จีน และจะเน้นการเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรไทยรับมือโคเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่ไทยต้องลดภาษีนำเข้าในต้นปี 2564