ขสมก.4.0 รีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่สร้างคนต้นแบบ

29 มิ.ย. 2562 | 07:55 น.

พลันที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2562 เห็นชอบแผนฟื้นฟูขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอหลายฝ่ายต่างจับตามองไปที่การขับเคลื่อนของผู้บริหารขสมก.ทันทีว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

ต่อเรื่องนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการขสมก. ในหลายประเด็น ของการเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูเพื่อรองรับภารกิจในอนาคตมุ่งสู่ BMTA 4.0 โลกของการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในงานด้านบริการผู้โดยสารในหลายแนวทางที่น่าสนใจ โดยรักษาการผอ.ขสมก.ชี้เป้าใหญ่ไปที่ปัจจุบันขสมก.มีพนักงานราว 1.3 หมื่นคนซึ่งจัดเป็นภาระหนักในส่วนนี้มากถึง 40% ตามแผนฟื้นฟู โดยตามโครงสร้างองค์กรมีพนักงาน 28 คน/รถ 1 คัน ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายพนักงาน 5.14 คน ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เชื้อเพลิง ค่าเหมาซ่อมและดอกเบี้ยจ่ายมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย เก็บค่าโดยสารตํ่ากว่าต้นทุนที่แท้จริง แนวทางหนึ่งคือใช้ระบบไอทีให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ที่ปริมาณบุคลากรลดน้อยลงซึ่งจะลดต้นทุนด้านบุคลากรเนื่องจากหากเป็นไปตามผลการดำเนินการของแผนฟื้นฟูจะต้องมีบุคลากรราว 8,000-9,000 คน

 

เดินหน้าตามแผนฟื้นฟู

ขั้นตอนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. นั้นมีอยู่หลายวิธี โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบการเดินรถให้มีประสิทธิภาพโดยจะต้องจัดหาอีกกว่า 2,000 คัน ได้แก่ จัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือรถ NGV ในระยะแรก จำนวน 489 คัน รถโดยสารระบบดีเซลและไฟฟ้า หรือรถไฮบริด จำนวน 1,453 คัน รถโดยสารไฟฟ้า หรือรถ EV จำนวน 35 คัน และการเช่ารถ NGV จำนวน 300 คัน รถไฮบริด จำนวน 400 คัน ระยะเวลาการเช่าประมาณ 7 ปี การปรับปรุงรถโดยสารเดิม จำนวน 323 คัน คาด ว่าจะทยอยดำเนินการปรับปรุงประมาณเดือนตุลาคม 2562 ใช้ระยะ เวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี

ขสมก.4.0 รีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่สร้างคนต้นแบบ

ประยูร ช่วยแก้ว

นอกจากนั้น ยังจัดให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ติดตั้งระบบชำระค่าโดยสารด้วย QR Code ติดตั้งระบบ GPS และให้บริการ WI-FI บนรถ โดย ขสมก. จะดำเนินการเช่ารถในเส้นทางที่ทับซ้อนกับเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะเปิดให้บริการในอนาคต เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงในการบริหารงาน เช่นเดียวกับการปรับปรุงเส้นทางเดินรถให้เชื่อมต่อเส้นทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ รวมทั้งให้บริการในเส้นทางที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้จัดสรรเส้นทางเดินรถในกรุงเทพมหานครให้ ขสมก.จำนวน 137 เส้นทาง ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดรถที่ได้มาไปให้บริการอย่างเพียงพอ

ปรับโครงสร้างองค์กร

เช่นเดียวกับการปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับลง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement โดยสมัครใจ) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานให้เหลือ 2.7 คนต่อคัน ลดค่าซ่อมบำรุง ค่าเชื้อเพลิง จัดหารถใหม่ให้ได้ตามแผน จัดหารถที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนนํ้ามันดีเซล โดยปัจจุบันยังปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานที่เดิมใช้นํ้ามันดีเซล B7 เป็น B20 เปลี่ยนให้กับรถที่ใช้ดีเซลจำนวน 2,075 คัน โดยนำร่องการใช้ B20 เป็นหน่วยงานแรกของประเทศ ปัจจุบันรถจำนวน 2,075 คันใช้พลังงาน B20 ครบทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะขยายไปสู่รถที่จะนำมาใช้งานรูปแบบไฮบริดจะต้องใช้พลังงาน B20 ได้ด้วย

ในส่วนการพัฒนาแนวทางการให้บริการใหม่ๆ นั้นมีความก้าวหน้าจากเดิมไปมาก มุ่งสร้างคุณภาพงานบริการ จิตสำนึกในงานบริการให้พนักงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีระบบประเมินผลหรือ ISO เข้ามากำกับ ส่งผลให้บริการรถทุกคันจึงเท่าเทียมกันทั้งหมด มีการจัดฝึกอบรมในหลายด้านเพื่อยกระดับงานบริการให้ดีขึ้น อาทิ อบรมภาษาให้กับพนักงานเพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติที่ขึ้นมาใช้บริการขสมก.ปีละประมาณ 20 หลักสูตร ล่าสุดได้ลง นามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเพื่อให้พนักงานขสมก.200 คนไปเรียนรู้เพิ่มเติมในหลักสูตรต่างๆ เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

เช่นเดียวกับคุณภาพด้านให้บริการของพนักงาน อยู่ระหว่างการสร้างคนต้นแบบ ปัจจุบันมีพนักงานจัดเก็บค่าโดยสารประมาณ 5,000 คน โดยมีแผนเร่งสร้างคนต้นแบบคนขับรถที่เป็นผู้หญิง แม้จะทดลองไปแล้วบางส่วนซึ่งพบว่ามีการตอบรับที่ดีมาก โดยปัจจุบันมีพนักงานขับรถเพศหญิงประมาณ 370 คนปฏิบัติหน้าที่ตามสายต่างๆ ล่าสุดจัดฝึกอบรมโครงการสมาร์ทไดรฟ์เวอร์ที่กลุ่มโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโครงการเพื่อนำมาตรฐานญี่ปุ่นมาใช้ด้านมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ จะได้เรียนรู้การขับรถในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยภายในสิ้นปีนี้น่าจะเพิ่มจำนวนได้ประมาณ 1,500 คน

“นอกจากตามแผนฟื้นฟูแล้วผมอยากจัดทำ 2 เรื่องหลัก คือเรื่องรีแบรนดิ้งองค์กร ที่หลายคนยังมองภาพลบแบบเดิมๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ เกิดความรู้สึกดีๆ ให้กับประชาชน มีความรู้สึกที่ดีกับองค์กรและพนักงานขสมก. ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนด รายละเอียดที่จะนำไปดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาต่อไป” 

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3483 ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2562