“สมคิด”จี้ทูตพาณิชย์ รุกหนักส่งออกครึ่งหลัง รับหดเป้าทั้งปีเหลือ 3%

ประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก-เอกชน เห็นพ้องปรับเป้าส่งออกไทยปี 2562 ลงเหลือ 3%  “สมคิด” กำชับทูตพาณิชย์ ทำงานหนัก เร่งผลักดันแผนเชิงรุกครึ่งปีหลังเต็มพิกัด พร้อมดึงลงทุน-ท่องเที่ยว ชดเชยสงครามการค้าทุบส่งออกวูบ

      นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์ ) 58 แห่งทั่วโลก(31 พ.ค.2562) เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงานและแนวทางการขับเคลื่อน การส่งออกของรัฐบาล พร้อมทั้งให้ทูตพาณิชย์นำเสนอยุทธศาสตร์และแผนงานในการผลักดันการส่งออก ร่วมกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

ในการประชุมครั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เสนอปรับลดเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ขยายตัวที่3% มูลค่า 260,184 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเป้าหมายเดิมที่ 8% ผลพวงหลักจากสงครามการค้ากระทบส่งออกไทยช่วง 4 เดือนแรกติดลบเกือบทุกรายตลาด อาทิ  ลาตินอเมริกา ติดลบ 4.6% เอเชียใต้ -3.15% จีน -8.1% อาเซียน(5) -7.1%  ญี่ปุ่น -1.3% ทวีปออสเตรเลีย -9.6%  ภูมิภาคยุโรป -5.2%  ตะวันออกกลาง -7.4% แอฟริกา - 3.5% ส่งผลให้การส่งออกไทยในช่วง 4 เดือน ติดลบ1.9%  โดยมีมูลค่าส่งออก 80,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ไทยควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จะกลายเป็นโอกาสสำคัญ ที่จะต้องให้ข้อมูล และการช่วยเหลือภาคเอกชนไทย รวมถึงตลาดใหญ่อย่างอินเดีย ที่เศรษฐกิจยังขยายตัวสูงถึง 7% ที่ควรจะมีแผนการผลักดันส่งออกชัดเจน ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จะต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บีโอไอ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศ โดยใช้นโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุน และการท่องเที่ยว หากมีนักท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น จะส่งผลดีต่อการซื้อสินค้าในประเทศ ขณะเดียวกัน จะต้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพสินค้า ขยายตลาดผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรไทย

ส่วนมาตรการผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลัง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การค้าโลก นายสมคิดกล่าวว่า จะต้องพยายามรักษาระดับการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย โดยจะต้องบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน  โดยได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ จัดทำแผนเจาะตลาดรายภูมิภาครวมถึงเมืองรอง ไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะตลาดอินเดีย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น เฉพาะตลาดอาเซียน ต้องเร่งขจัดอุปสรรคทำให้สินค้าเข้าไปได้ง่ายขึ้น จากเป็นตลาดที่อยู่ใกล้และมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกที่สุด ขณะที่สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับ รวมถึงการเจรจาเอฟทีเอกับประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

                               บรรจงจิตต์  อังศุสิงห์

ด้านนางสาวบรรจงจิตต์  อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า มั่นใจปีนี้การส่งออกไทยจะไม่ติดลบแน่นอน โดยในช่วง 8 เดือนที่เหลือต่อจากนี้จะเดินหน้าผลักดันการส่งออกให้ได้มูลค่าเฉลี่ยนเดือนละ 22,455 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อทำให้การส่งออกไทยทั้งปีขยายตัวได้ 3%