ในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เวลานี้ถือว่ามีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดยเฉพาะการประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ 5 โครงการ มูลค่าลงทุนราว 6.5 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะได้เห็นร่างสัญญาร่วมทุนกับภาคเอกชนได้ทั้งหมดภายในเดือนมิถุนายนนี้
ขับเคลื่อนงบบูรณาการ
ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนอีอีซี ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ยังต้องมีแผนการพัฒนาต่อเนื่อง และยังต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมาดำเนินงานที่ให้แต่ละจังหวัดไปจัดทำแผนการพัฒนา และนำมาสู่แผนบูรณาการ อีอีซี เพื่อไม่ให้เกิดความซํ้าซ้อนในการใช้งบของ 3 จังหวัดคือฉะเชิงเทราชลบุรีและระยอง ซึ่งงบประมาณปี 2562-2563 รวมแล้วราว 5.4 หมื่นล้านบาทที่ส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรไปสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค และการศึกษา เพื่อรองรับการขยายตัวของอีอีซีและการพัฒนาบุคลากรรองรับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ทั้งนี้ งบประมาณปี 2562 ได้รับการจัดสรรไปแล้วราว 1.48 หมื่นล้านบาท ที่นำมาใช้ขับเคลื่อนใน 6 แนวทาง ได้แก่ 1.การพัฒนาระบบคมนาคม โลจิสติกส์ และดิจิทัล วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เช่น การเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินอู่ตะเภาการก่อสร้างถนนระยะทาง 462.9 กิโลเมตร การก่อสร้างทางรถไฟ และการตั้งศูนย์ดิจิทัล เป็นต้น
2.การพัฒนาด้านการศึกษาและบุคลากรรองรับนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง วงเงิน 216.63 ล้านบาท เช่น การอบรมนักเรียน นักศึกษา บุคลากร และประชาชน ราว 24,222 คน 3.การพัฒนาเขตส่งเสริมพิเศษอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง วงเงิน 9.14 ล้านบาท รองรับผู้ประกอบการ 800 ราย 4.การพัฒนาเมือง ระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ สิ่งแวดล้อมเมืองและสาธารณสุข วงเงิน 2,276.99 ล้านบาท เช่น การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 15 แห่ง การพัฒนาโรงพยาบาล การจัดซื้อครุภัณฑ์ เป็นต้น
5.การพัฒนาศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ การบริการและการอำนวยความสะดวก วงเงิน 99.49 ล้านบาท เช่น การจัดซื้อครุภัณฑ์ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง และ 6.การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงิน 229.81 ล้านบาท ที่ตั้งเป้าหมายมีนักลงทุนมายื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอราว 1 แสนล้านบาท
งบปี63พุ่ง 2.5 หมื่นล้าน
สำหรับงบประมาณปี 2563 ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) ได้จัดทำแผน
บูรณาการอีอีซีเสร็จเรียบร้อย จำนวน 70 โครงการ หน่วยงานรับผิดชอบ 10 กระทรวง 35 หน่วยงาน ซึ่งส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณากลั่นกรองไปแล้ว วงเงิน 39,895 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการขับเคลื่อน 6 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ วงเงินประมาร 27,776.35 ล้านบาท ที่ส่วนใหญ่จะนำไปใช้พัฒนาทางหลวง และการพัฒนาศูนย์กลางทางการบินภาคตะวันออก การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการนํ้าประปาเพื่อให้บริการประชาชน เป็นต้น
2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล วงเงินประมาณ 2,942.39 ล้านบาท นำไปใช้สำหรับโครงการจัดตั้งก่อสร้างสถาบันไอโอที 3.การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว วงเงินประมาณ 309.35 ล้านบาท เช่น โครงการป่าชายเลนในเมืองจังหวัดระยอง การปรับปรุงท่าเรือเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โครงการการดึงงานระดับโลกมาจัดในพื้นที่อีอีซี เป็นต้น
ให้ความสำคัญพัฒนาคน
4. การพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย เทคโนโลยี วงเงิน 5,068.43 ล้านบาท เป็นโครงการผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพจำนวน 42 โครงการ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการอย่างน้อย 5 หมื่นคน รวมถึงการใช้งบสำหรับการพัฒนาเขตพัฒนานวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีไอ 5.การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ สิ่งแวดล้อมเมืองและสาธารณสุข วงเงินประมาณ 2,387.49 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการจัดการปัญหานํ้าเสียและขยะ ศูนย์การแพทย์ครบวงจร การพัฒนาศักยภาพของโรงพยาบาล ระบบเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพจากการทำงานและมลพิษสิ่งแวดล้อม การพัฒนาผังเมืองให้มีคุณภาพ การศึกษาและพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เป็นต้น และ 6.การพัฒนา ประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย วงเงินประมาณ 1,411.18 ล้านบาท ใช้สำหรับการออกไปชักจูงนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่มีเป้าหมายให้นักลงทุนการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนคิดเป็นมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท
รายงาน : โต๊ะข่าวอีอีซี
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3473 วันที่ 26-29 พฤษภาคม 2562