ตามรอย ‘ไทยยูเนี่ยน’ ผงาดบิ๊กน้ำมันปลาโลก

17 พ.ค. 2562 | 06:10 น.

 

 

ระหว่างวันที่ 7-13 พฤษภาคม 2562 “ฐานเศรษฐกิจ” เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะของบริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของงาน“ซีฟู้ด เอ็กซ์โป โกลบอลและซีฟู้ดส์ โปรเซสซิ่ง โกลบอล” ที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ซื้อผู้ขายนับพันจากกว่า 150 ประเทศเดินทางมาร่วมงานเพื่อพบปะเจรจาธุรกิจ เช่นเดียวกับ ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป ที่ครั้งนี้ไม่น้อยหน้าบูธอื่นๆ โดยมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ และพาตามรอยเส้นทางจากหัวปลาทูน่าจากไทยสู่โรงกลั่นนํ้ามันปลาที่เยอรมนี

ตามรอย ‘ไทยยูเนี่ยน’  ผงาดบิ๊กน้ำมันปลาโลก

                                      ฤทธิรงค์  บุญมีโชติ

 

เปิดตัวกุ้งทางเลือกใหม่

นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า การเข้าร่วมงานครั้งนี้ไทยยูเนี่ยนมาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเปิดตัวเนื้อกุ้งจากฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ใช้ “ฟีดไคนต์โปรตีน” ซึ่งเป็นอาหารกุ้งโปรตีนทางเลือกที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรกของโลก โดยจับมือกับบริษัท คาลิสต้าฯ บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์โปรตีนทางเลือกชั้นนำซึ่งอยู่ในช่วงการพัฒนา โดยบริษัท คาลิสต้าฯ ได้คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ จะใช้เลี้ยงกุ้งแทนปลาป่นจากทะเล ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วโลกในอนาคต

 

ตามรอย ‘ไทยยูเนี่ยน’  ผงาดบิ๊กน้ำมันปลาโลก

 

 

“ในงานนอกจากการโชว์นวัตกรรมแล้ว ยังโชว์ความสำเร็จของไทยที่สามารถพิสูจน์ให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ ทำให้วันนี้ไทยได้หลุดพ้นจากใบเหลืองเป็นใบเขียวสำเร็จในการทำประมงไอยูยูแล้ว ที่อยากจะฝากให้รัฐบาลช่วยดูแลคือการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เฉพาะอย่างยิ่งการดูแลให้เงินบาทมีเสถียรภาพไม่แข็งค่าหรืออ่อนค่ามากเกินไป โดยช่วง 33 บาทบวกลบ 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระดับที่เหมาะสม และอยากให้มีการทำเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่มาก กำลังซื้ออาหารทะเลยังดี แต่ที่ผ่านมามีปัญหาหลายเรื่องทำให้การส่งออกอาหารทะเลมายุโรปลดลงอย่างน่าใจหาย ส่วนผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดไม่ตํ่ากว่า 5,000-6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปีที่แล้วหดการเติบโตที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่ารายได้กลับมาเป็นค่าเฉลี่ยปกติของธุรกิจ”

 

หัวปลาทูน่าสู่นํ้ามันปลา

ด้านดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรมไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า หัวปลาทูน่า เป็นของเหลือจากโรงงานปกติขายให้กับอาหารสัตว์กิโลกรัม (กก.) ละ 6 บาท ได้มาคิดค้นว่าจะทำอย่างไรให้วัตถุดิบนี้ขายได้ 200-300 บาทต่อกก. จึงนำมาสู่การคิดค้นและผลิตเป็นนํ้ามันปลาทูน่าบริสุทธิ์ที่มีดีเอชเอสูง เป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตนมผงสำหรับทารก

ตามรอย ‘ไทยยูเนี่ยน’  ผงาดบิ๊กน้ำมันปลาโลก

“นํ้ามันปลาดิบถูกสกัดที่โรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ด้วยวัตถุดิบที่เป็นปลาทูน่าที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีปรุงสุกทำให้ได้นํ้ามันปลาดิบ ส่งไปยังโรงกลั่นนํ้ามันปลาของบริษัทที่ประเทศเยอรมนี ถือเป็นเจ้าแรกและรายเดียวที่เป็นเจ้าของวัตถุดิบเอง มีโรงงานสกัดนํ้ามันปลาและโรงกลั่นเอง โดยดูแลตั้งแต่ท่าเรือจนกระทั่งเป็นผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค”

 

 

ป้อน 5 ยักษ์นมผงโลก

นายลีโอนาร์ดัช คูเลน กรรมการผู้จัดการธุรกิจ Ingredients กล่าวว่า ทางไทยยูเนี่ยน ได้ตัดสินใจตั้งโรงกลั่นนํ้ามันปลาขึ้นที่ประเทศเยอรมนี จากมีเป้าหมายลูกค้าอยู่ในทวีปยุโรป เปิดโรงงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ทุ่มเงินลงทุน 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง กำลังการผลิต 5,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเต็มกำลังผลิตภายใน 3-5 ปี จะมีสัดส่วนการผลิต 20-25% ของโลก ซึ่งจะผลิตตามออร์เดอร์ ป้อน 5 บริษัทนมผงยักษ์ใหญ่สำหรับทารก ได้แก่ กลุ่มเนสท์เล่, กลุ่มมี้ดจอห์นสัน, กลุ่มแอ๊บบอต, กลุ่มฟรีสแลนด์คัมพิน่า และกลุ่มไวเอท นิวทริชั่น โดยรายได้ปีนี้ตั้งเป้า 800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสที่จะขยายกิจการในอนาคตสู่การผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับโปรตีนและแคลเซียม เป็นต้น

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,470 วันที่ 16-18 พฤษภาคม 2562

ตามรอย ‘ไทยยูเนี่ยน’  ผงาดบิ๊กน้ำมันปลาโลก