เอาจริง! 'กฤษฎา' เล็งส่ง ครม. เห็นชอบ ตั้ง "คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน" จัดโควตานมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านใหม่ พ่วงคณะอนุฯ 4 ชุด ด้านโรงนม-สถาบันการศึกษากังขา เผย แผนร้ายซ่อนปมเขี่ยออกจากโครงการ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2552 เรื่อง : ทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านบาท
"เหตุผลและความจำเป็นตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาให้มีการทบทวนแนวทางการบริหารจัดการนมโรงเรียนปรับปรุงโครงสร้างองค์กรบริหารจัดการ"
โดยแยกโครงสร้างการบริหารออกจากคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ มิลบอร์ด ตามพระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. 2551 เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์อันเนื่องมาจากผู้มีส่วนได้เสียในโครงการร่วมเป็นกรรมการ
ทั้งนี้ ให้แต่งตั้ง "คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน" จำนวน 15 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการหน่วยงานที่กำกับดูแล จำนวน 4 คน เป็นกรรมการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการผลิต จำนวน 3 คน เป็นกรรมการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผู้รับบริการ จำนวน 3 คน เป็นกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิที่ประธานกรรมการแต่งตั้ง จำนวน 3 คน เป็นกรรมการ โดยมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นกรรมการและเลขานุการ
โดยไม่มีองค์กรเกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ร่วมเป็นกรรมการ ให้คณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรณรงค์การบริโภคนมไปยังสถาบันการศึกษาทุกระดับ เพื่อขยายเป้าหมายการบริโภคนม จากปัจจุบัน 18 ลิตรต่อคนต่อปี เป็น 25 ลิตรต่อคนต่อปี ภายในปี 2564
ภายใต้คณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการรับผิดชอบ 4 คณะ รับผิดชอบภารกิจต่าง ๆ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการบริหารโครงการอาหารเสริม (นม), 2.คณะอนุกรรมการรณรงค์บริโภคนมในสถาบันการศึกษาทุกระดับ, 3.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ระดับพื้นที่ และ 4.คณะอนุกรรมการอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยมีองค์ประกอบคณะอนุกรรมการชุดละไม่เกิน 15 คนเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ อ.ส.ค. ทำหน้าที่เป็นเพียงองค์กรกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายและส่งมอบให้กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับ อ.ส.ค. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำระบบฐานข้อมูล "บิ๊กดาต้า" สำหรับโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน โดยมีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนได้ดื่มนมทุกวัน และนมที่ดื่มสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังที่แหล่งผลิตได้ เพื่อเป็นหลักประกันในคุณภาพนมโคตลอดห่วงโซ่อุปทาน
สอดคล้องกับ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า วันนี้ (12 มี.ค. 62) ที่ประชุม ครม. ยังไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวนี้
ด้าน นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรส์และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะมิลค์บอร์ด เผยว่า การที่รัฐมนตรีฯ ส่งเรื่องเข้า ครม. เห็นชอบให้ทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2552 เรื่อง : ทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านบาทใหม่ 1.กระทำได้หรือไม่ โดยไม่ผ่านที่ประชุมมิลค์บอร์ด ที่อยู่ใต้พระราชบัญญัติโคนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. 2551, 2.มติ ครม. จะมีอำนาจใหญ่กว่ากฎหมายได้หรือไม่
"ในส่วนตัวคิดว่า กฎหมายน่าจะใหญ่กว่า ครม. และในอำนาจของกฎหมายก็ได้ให้อำนาจของมิลค์บอร์ดในการบริหารนมและผลิตภัณฑ์นมทั้งระบบ และคณะที่ตั้งชุดใหม่เข้ามาบริหารนมทั้งระบบไม่ได้ขึ้นตรงกับ พ.ร.บ.ฯ กระทำได้ด้วยหรือไม่"
แหล่งข่าวผู้ประกอบการ เผยว่า วันที่ 13 มี.ค. 2562 ทางสมาคมผู้ผลิตนมยูเอชทีและสมาคมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและแปรรูปผลิตภัณฑ์นม จะมีการประชุมที่พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการบริหารนมโรงเรียนระบบใหม่ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบในระบบการบริหารจัดการสรรโควตานมโรงเรียนในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นโรงงานเอกชนและสถาบันการศึกษาที่ไม่มีน้ำนมดิบเป็นของตัวเอง