ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นก.พ.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

12 มี.ค. 2562 | 07:32 น.

ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นก.พ.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เหตุมีปัจจัยบวกจากการประกาศเลือกตั้งชัดเจน เชื่อเม็ดเงินหาเสียงสูง ทำดัชนีเชื่อมั่นเดือนมี.ค.ดีขึ้นกว่าเดิมได้ แต่รับจีดีพีปีนี้อาจต่ำกว่าที่คาด แนะรัฐบาลใหม่ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน-พัฒนาระบบการศึกษา-ลดความเหลื่อมล้ำ ดันเศรษฐกิจโตตามศักยภาพ 4-5% 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.พ.2562 ว่า ไทยยังมีปัจจัยบวกจากการประกาศการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แม้จะมีกรณีการยุบพรรค หรือปัญหาของผู้สมัครบางราย ขณะที่การประมาณการเศรษฐกิจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.อยู่ที่ 3.5-4% และการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% รวมถึงปัญหาสงครามการค้าจะคลี่คลายลงบ้าง ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวดีขึ้น ราคาพืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.พ.2562 อยู่ในระดับ 82 เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ที่อยู่ที่ 80.7 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนที่ 2 สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจนทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนดีขึ้น แม้ว่าการส่งออกของไทยจะยังปรับตัวลดลง และราคาพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว และยาวพารายังทรงตัวในระดับต่ำก็ตาม

ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นก.พ.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2


ทั้งนี้เชื่อว่าการหาเสียงเลือกตั้ง ที่มาจากการจ้างงานในการหาเสียงและการใช้จ่าย จะทำให้เม็ดเงินสะพัดในช่วงเลือกตั้ง 35,000-50,000 ล้านบาท โดยเงินก้อนแรกจะลงสู่ระบบในเดือนก.พ.นี้ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท และที่เหลือในเดือนมี.ค.ถึงวันเลือกตั้ง จะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมีนาคมปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคตจะดีขึ้น หากสถานการณ์การเมืองดีขึ้น หลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อในประเทศในปีนี้ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะหมวดสินค้าถาวร เช่น ที่อยู่อาศัย และรถยนต์ 

อย่างไรก็ตาม แม้ความเชื่อมั่นต่างๆ จะดีขึ้น แต่จากปัญหาสงครามการค้าที่ยังไม่คลี่คลายถาวร ประกอบกับปัญหา อาจทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ และปรับตัวลดลงเหลือ 3-4% ที่ประมาณเดิมที่คาดการณ์จะขยายตัวได้ 4-5% ขณะที่ Brexit ของอังกฤษ จะทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาเที่ยวไทยลดลง และรัฐบาลรักษาการยังไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จึงทำให้คาดการณ์จีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 3.8% จากประมาณเดิมที่คาดจะเติบโตได้ 4-5% 

ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นก.พ.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2


"ไทยเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถเติบโตได้ตามศักยภาพที่ 4-5% ทั้งนี้หากจะให้ดำเนินการได้ตามศักยภาพรัฐบาลจะต้องเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ด้วยการเพิ่มงบประมาณการทำวิจัยจากปัจจุบันที่ต่ำกว่า 1% ของจีดีพี เพื่อให้สามารถพัฒนาภาคการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ ทั้งถนน สนามบิน ท่าเรือ และอินเตอร์เน็ตไวไฟ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นแบละพร้อมเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น"


นอกจากนี้รัฐบาลต้องพัฒนาด้านการศึกษา ที่ภาคการศึกษาจะต้องผลิตบุคคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเสริมศักยภาพบุคคลากรให้มีองค์ความรู้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องเร่งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และลดปัญหาคอร์รัปชั่นที่จะสามารถลดการใช้งบประมาณที่รั่วไหลได้

ม.หอการค้าไทยเผย ดัชนีเชื่อมั่นก.พ.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2