กกพ.คงค่าไฟต่ออีก4เดือน ลดค่าครองชีพประชาชน

นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. มีมติให้คงค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2562 จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6396 บาทต่อหน่วย ไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดก่อน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

โดยหากไม่มีการคงค่าเอฟที ภายใต้สมมติฐานประมาณการค่าเอฟที ในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 2562 จะส่งผลให้ค่าเอฟทีที่เรียกเก็บในงวดพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 เท่ากับ -4.20 สตางค์ต่อหน่วย และจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 3.7136 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) อย่างไรก็ตาม กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 7 – 21 มีนาคม 2562 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป

“กกพ.ชุดปัจจุบัน มีนโยบายเน้นการบริหารจัดการค่าเอฟทีให้ได้มากที่สุด ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด โดยผลจากการกำกับการดำเนินงานของการไฟฟ้าในปี 2561 จึงทำให้มีเงินบริหารเอฟที จำนวน 4,576 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อคงค่าเอฟที บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชน” นางสาวนฤภัทร กล่าว

สำหรับแนวโน้มค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2562 จะต้องดูสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิง รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ขณะที่ปัจจัยด้านผลกระทบจากการอุดหนุนพลังงานทดแทน ปัจจุบันส่งผลต่อค่าเอฟที 25 สตางค์ต่อหน่วย คาดว่าปีนี้จะคงอยู่ที่ระดับนี้ เนื่องจากยังไม่มีโครงการพลังงานทดแทนใหม่เข้ามา ซึ่งคาดว่าโครงการพลังงานทดแทนใหม่จะเข้าระบบปลายปี 2563

สำหรับความคืบหน้าการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ภาคประชาชน ตามมติ กพช. ที่จะเปิดรับซื้อ 100 เมกะวัตต์ต่อปี ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2018) ที่มีแผนเปิดรับซื้อ 1 หมื่นเมกะวัตต์ในอีก 20 ปีข้างหน้า คาดว่าจะสามารถออกประกาศรายละเอียดโครงการได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ โดยราคารับซื้อไฟฟ้าโครงการดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.8 บาทต่อหน่วย