สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.

06 มี.ค. 2562 | 12:59 น.

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) THE STATE RAILWAY WORKERS' UNION OF THAILAND (SRUT) แถลงการณ์ขอให้ทบทวนเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เอื้อเอกชนกลุ่มทุนผูกขาดและโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ต้องรักษาประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ ประชาชน

สืบเนื่องจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีประกาศ คสช. หลายฉบับ เพื่อเร่งรัดให้มีการจัดตั้ง "ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก" หรือ "อีอีซี" และต่อมาได้มีการออก "พระราชบัญญัติเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561" เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ จึงได้กําหนดให้มีการจัดสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา โดยมีระยะทาง 220 กม. มูลค่าโครงการ 224,544.36 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 1.40 ชม. ราคาค่าโดยสาร 476 บาท ผู้รับผิดชอบโครงการ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยโครงการดังกล่าวได้มีการเริ่มดําเนินการเปิดขายเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพื่อเข้าประมูลโครงการในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2561 ประมูลกันเมื่อปลายปี 2561 เบื้องต้น มีผู้ซื้อซองประมูลราคาสนใจซื้อเอกสารการคัดเลือกจํานวน 31 ราย และต่อมา มีผู้ยื่นซองข้อเสนอราคาประมูลโครงการเพียง 2 ราย คือ กิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จํากัด และกิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ซึ่งปรากฏตอนหลังว่า ทั้ง 31 รายที่สนใจซื้อเอกสารการคัดเลือก ได้ไปมีรายชื่อใน 2 กลุ่มที่ยื่นซองข้อเสนอราคาประมูล ซึ่งก่อให้เกิดคําถามต่อสาธารณะ ว่า เป็นการ "ฮั่ว" กันหรือไม่

ประวัติศาสตร์รับเหมาไทย! '31 ขาใหญ่' โดดชิงเค้กรถไฟฟ้า 3 สนามบิน


ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 ผู้ที่ชนะการประมูลโครงการ คือ กิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภค ภัณฑ์โฮลดิ้ง จํากัดโดยเป็นผู้เสนอขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่ําสุดในราคา 117,227 ล้านบาท ต่ำกว่ากลุ่มบีเอสอาร์ ที่เสนอขอรับอุดหนุน 169,934 ล้านบาท ถึง 52,707 ล้านบาท สิทธิประโยชน์ที่เอกชนจะได้รับจากการเข้าดําเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ 1) บริหารรูปแบบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, 2) ได้สัมปทานบริหารแอร์พอร์ตลิงก์ที่มีฐานคนใช้กว่า 8 หมื่นคนต่อวัน, 3) ได้สัมปทานในการครอบครองพื้นที่มักกะสัน 900 ไร่ และพื้นที่รอบสถานีศรีราชา 25 ไร่ เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์, 4) รับมอบพื้นที่มักกะสันอีก 50 ไร่ ที่อยู่ติดกับโรงซ่อมบํารุงรถไฟและพื้นที่เวนคืนอื่น ๆ ให้กับเอกชนภายใน 5 ปี และ 5) โอกาสในการเดินรถต่อเฟส 2 ช่วงอู่ตะเภา-ตราด

● 'ซีพี'คว้าไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน

จากวันที่ชนะการประมูลจนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2562 ได้มีการนัดเจรจาอีกครั้งหนึ่ง แต่ทางกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จํากัด ได้แจ้งขอเลื่อนการเจรจาไปเป็นวันที่ 13 มี.ค. 2562 ด้วยเหตุที่กลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จํากัด ได้ยื่นข้อเสนอของ 4 (ข้อเสนออื่น ๆ) 108 ข้อ ถูกปัดตก 12 ข้อ เช่น ลดสัดส่วนหุ้นซีพี จาก 70% เหลือ 5%, รัฐค้ำประกัน ร.ฟ.ท. หากมีปัญหารัฐหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 4%, รัฐจ่ายเงินอุดหนุนตั้งแต่ปีที่ 1 จากเดิมอุดหนุนปีที่ 6, จ่ายค่าเช่าที่ดินมักกะสัน-ศรีราชา 5.2 หมื่นล้าน เมื่อมีผลตอบแทน, ให้ ธปท. ขยายเพดานเงินกู้ซีพี, ขยายสัมปทานจาก 50 ปี เป็น 99 ปี, ห้าม ร.ฟ.ท. เดินรถแข่งกับเอกชน, รัฐชดเชยหากอู่ตะเภาล่าช้า, ผ่อนชําระแอร์พอร์ตลิงค์ 11 ปี ดอกเบี้ย 3% จากต้องจ่ายก่อนรับสิทธิเดินรถ, เปลี่ยนแบบจากยกระดับเป็นทางราบ และรัฐการันตีผลตอบแทน 6.75%

สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) นอกเหนือจากการให้ความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพองค์กร คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แล้ว เหนืออื่นใด ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทํามาโดยตลอด คือ ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พยายามที่จะไม่ไปขัดขวางใด ๆ นอกจากการให้ความเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลเป็นระยะ ๆ ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนที่ร่วมกันติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพราะเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ มีเงินลงทุนที่สูง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับฐานะการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

จนถึงปัจจุบัน ซึ่งความเป็นจริงผู้ที่ชนะการประมูลย่อมต้องดําเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไข เพราะย่อมรู้อยู่แล้วการเสนอราคาในการประมูลจนชนะคู่ประมูล ว่า จะทําได้หรือไม่ได้ "เว้นไว้แต่ว่าจะไม่ทํารถไฟความเร็วสูง แต่หวังประโยชน์ด้านอื่นมากกว่า การต่อรองในเรื่องรายละเอียดที่ใช้เวลาในการเจรจายืดเยื้อมานาน" แม้ว่าทีโออาร์จะให้สามารถเจรจาได้ แต่ต้องเจรจาในรายละเอียดปลีกย่อย "ไม่ใช่เจรจาในสาระสําคัญที่ทําให้รัฐเสียประโยชน์" ซึ่งจากการดูข้อเสนอ เป็นการเจรจาที่ทําลายหลักการสําคัญอันจะทําให้ประเทศชาติ ประชาชน เสียประโยชน์ จึงขอให้ผู้มีหน้าที่ในการเจรจาระมัดระวัง เพราะอาจนําไปสู่การฟ้องร้อง ดําเนินคดี ด้วยเหตุไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทําให้รัฐเสียหายได้

จากเหตุปัจจัยต่าง ๆ ดังที่กล่าวมา ทาง สร.รฟท. จึงมีความเห็นและข้อเสนอ ดังนี้

1) ข้อเสนอของผู้ชนะการประมูลเป็นข้อเสนอที่ทําลายหลักการและสาระสําคัญของโครงการการรถไฟฯ ไม่ควรรับข้อเสนอที่สูงจากผู้ชนะการประมูล เพราะจะทําให้การรถไฟฯ และรัฐเสียหาย

2) ขอให้รัฐทบทวนโครงการ โดยให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจตั้งแต่ต้น เพราะที่สุดแล้ว ผลกระทบทั้งด้านบวกและลบย่อมเป็นภาระผูกพันกับประเทศชาติในอนาคตและโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ แต่ยังไม่ผ่านการจัดทําเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)

3) เห็นสมควรให้รัฐดําเนินโครงการเอง ภายใต้การบริหารจัดการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จํากัด (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) โดยงบประมาณมาจากการพัฒนาที่ดินของการรถไฟฯ แล้วนํารายได้มาลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินและการก่อหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบัน มีจํานวนที่สูงมากแล้ว

4) โครงการนี้เป็นโครงการเพื่อสนับสนุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยปัจจุบันมีปัญหาอยู่เป็นจํานวนมาก ซึ่งล้วนแต่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เป็นการทําลายวิถีชีวิตระบบเกษตร ระบบนิเวศน์ของพื้นที่โครงการ ประกอบกับ พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มีหลายมาตราที่จะส่งผลเสียหายต่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จึงเห็นควรให้ชะลอและทบทวนโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกทั้งระบบ โดยการมีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นและร่วมตัดสินใจของประชาชนในทุกขั้นตอน และเสนอแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.

ข้อเสนอทั้งหมดนี้ มิได้มุ่งหวังเพื่อขัดขวางการพัฒนาประเทศ เพียงแต่มีเจตนาที่ดีต้องการให้มีความรอบคอบ มีความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีความเข้มแข็งและยั่งยืนได้ ต้องเริ่มมาจากการมีส่วนร่วมในการเสนอรับข้อคิดเห็นและร่วมตัดสินใจในประเทศไทย รัฐธรรมนูญ และกฎหมายหลายฉบับนโยบายของรัฐบาล ที่พูดย้ำประกาศถึงเรื่องธรรมาภิบาลอันจะนําประเทศไปสู่ความ "มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" โดย "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ซึ่งหวังว่า ข้อคิดเห็นข้อเสนอข้างต้นจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชน เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน คนรถไฟที่รักความเป็นธรรม ต้องการเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปบนพื้นฐานของความร่วมมือ การมีส่วนร่วม มีความรู้ มีภูมิคุ้มกัน มีเหตุมีผล มีความยั่งยืน มีความสุขตามแนว "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะต้องร่วมมือสามัคคีกันเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประเทศชาติให้ถาวรสืบไป ด้วยพลังของพวกเรา ประชาชน

"ไม่ขัดขวางการพัฒนา แต่การพัฒนาต้องไม่ฆ่าคน และเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนอย่างแท้จริง"
สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.
สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.
สร.รฟท. จี้ทบทวน EEC เอื้อกลุ่มทุนผูกขาด-ไฮสปีด ย้ำ! ต้องรักษาประโยชน์ชาติ-ปชช.


……………….

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● บอร์ดไฟเขียวซีพี เลื่อนชี้ชะตารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
● จับตา 'หุ้นส่วน' กลุ่มซีพีถอดใจ! สหภาพ รฟท. เร่งชำแหละ 'รถไฟ 3 สนามบิน'