"คณิศ"เผยให้ต่างชาติถือหุ้นอุตฯอากาศยานได้เกินกว่า50%

24 พ.ค. 2560 | 05:57 น.
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ชี้แจงว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ ที่ 2/2560 เรื่องการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 17 มกราคม เป็นกฎหมายเพื่อให้มีการทำงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เสนอร่าง พรบ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.... เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560

ร่าง พรบ. นี้ จะรับการปรับปรุงและนำเข้ากระบวนการรับฟังความเห็นตามรัฐธรรมนูญ และเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. โดยเร็ว ในการนี้เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้โดยเร็ว และมีประสิทธิภาพ สนช. จึงได้อนุมัติเพิ่มเติมคำสั่ง คสช.ที่ 2/2560 ใน 3 เรื่องคือ

1. เพิ่มเติมให้การพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นแบบ เร่งรัด (fast track) กระบวนการที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ออกแบบไว้ใช้กับโครงการทั่วไป จึงเห็นว่าควรมีกระบวนการเร่งรัดสำหรับโครงการใน EEC โดยกำหนดให้มี “กระบวนการทำงาน แบบ เร่งรัด (fast track)” เฉพาะโครงการสำคัญและเร่งด่วนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยมีสาระสำคัญ คือ 1) ขอให้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจการสำคัญและเร่งด่วนของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นการเฉพาะ  2) ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษเพิ่มเติมจาก สกรศ. หรือผู้ขออนุญาต เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษแก่คณะกรรมการผู้ชำนาญการ 3) ขอให้ใช้เวลาดำเนินการทั้งหมดรวมแล้วไม่เกิน 1 ปี และ 4) ในกรณีที่ไม่มีผู้ชำนาญการ หรือ มีน้อย (กว่า 3 ราย) ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีหน้าที่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์ทำนองเดียวกับกิจการนั้น เป็นผู้ชำนาญการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้

2. เพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาการร่วมทุนกับเอกชน หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน กระบวนการร่วมทุนกับเอกชนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ใช้เวลานาน เพราะใช้กับโครงการทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากโครงการสำคัญในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่เป็นประโยชน์สูงกับประเทศอยู่แล้ว เช่น โครงการเมืองการบินภาคตะวันออก รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด เป็นต้น

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงจำเป็นต้องกำหนดให้มี “กระบวนการทำงานการร่วมทุนกับเอกชน หรือให้เอกชนลงทุนในเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” โดยใช้ เฉพาะกับโครงการเร่งด่วนสำคัญใน EEC ที่คณะกรรมการนโยบายอนุมัติ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วขึ้นโดยรักษาเจตนารมย์ตาม พรบ. ร่วมทุนกับเอกชน อนึ่ง การดำเนินการในเรื่องนี้ได้ปรึกษากับ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี และมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

3. เพิ่มเติมให้หน่วยซ่อมอากาศยานมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามลักษณะการลงทุน กิจการหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมเครื่องบิน อะไหล่ และชิ้นส่วน อากาศยาน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีสูงและมีสิทธิบัตรสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆดังนั้นเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ตามเป้าหมาย จึงไม่จำเป็นต้องให้คนไทยถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งเสมอไป ด้วยเหตุดังกล่าวการจัดการให้มีคลัสเตอร์การลงทุนการซ่อม อะไหล่ และชิ้นส่วนอากาศยานจึงจำเป็นที่จะต้อง “ปรับปรุงลักษณะของผู้รับใบรับรองหน่วยซ่อมในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” ให้มีความคล่องตัวและสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจการลงทุนนั้นๆ เป็นสำคัญ จึงขอเพิ่มเติมเรื่องผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อม