เพื่อเป็นการต้อนรับบรรยากาศของ เทศกาล "สงกรานต์" ประเพณีไทย ปีใหม่ไทย ซึ่งทุก ๆปี จะมีการกล่าวถึง “นางสงกรานต์ประจำปี” และ “คำทำนายดวงเมืองประจำปี” ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับนางสงกรานต์ โดยปีนี้ นางสงกรานต์ประจำปี 2564 มีชื่อว่า "รากษสเทวี"
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำภาพวาดนางสงกรานต์ ประจำปี 2564 พร้อมเผยแพร่ประกาศสงกรานต์ของฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ดังนี้
ปีฉลู (มนุษย์ผู้ชาย ธาตุดิน) ตรีศก จุลศักราช 1383 ทางจันทรคติ เป็น อธิกมาส ทางสุริยคติ เป็นปกติสุรทิน วันที่ 14 เมษายน เป็น วันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับวันพุธ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 เวลา 3 นาฬิกา 39 นาที 40 วินาที
นางสงกรานต์ ทรงนามว่า รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมราภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูลพระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือหลังวราหะ (สุกร) เป็นพาหนะ วันที่ 16 เมษายน เวลา 07นาฬิกา 37 นาที 12 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1383 ปีนี้ วันอาทิตย์เป็นธงชัย วันจันทร์เป็นอธิบดี วันเสาร์เป็นอุบาทว์ วันพุธเป็นโลกาวินาศ
โดยวันเสาร์เป็นอธิบดีฝนบันดาลให้ฝนตก 400 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 40 ห่า ตกในมหาสมุทร 80 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 120 ห่า ตกในเขาจักรวาล 160 ห่า นาคให้น้ำ 6 ตัว เกณฑ์ธัญญาหารได้เศษ ๐ ชื่อ ปาปะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผล 1 ส่วน เสีย 9 ส่วน มหาชนร้อนใจด้วยอาหารแลเกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีอาโป (น้ำ) น้ำมาก
รู้จักนางสงกรานต์ทั้ง 7
ตำนานเกี่ยวกับนางสงกรานต์นั้น เป็นเพียงคติความเชื่อที่ปรากฏอยู่ใน “ตำนานสงกรานต์” ซึ่งเป็นอุบายของคนโบราณให้สามารถจดจำวันปีใหม่ไทยหรือวันมหาสงกรานต์ได้ง่าย โดยสมมติให้นางสงกรานต์ทั้ง 7 คน มาเทียบเคียงกับวันแต่ละวันในหนึ่งสัปดาห์นั่นเอง
ตามตำนานและคติความเชื่อเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์เล่าว่า นางสงกรานต์มีทั้งหมด 7 คน โดยแต่ละคนมีหน้าที่ต้องผลัดเปลี่ยนกันมาถือพานเศียรของท้าวกบิลพรหม แต่ละคนจะมีนาม อาหาร อาวุธ สัตว์ที่เป็นพาหนะแตกต่างกันไป ดังนี้
สาเหตุที่นางสงกรานต์ต้องผลัดกันมาในแต่ละปี
มีจารึกที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม บอกเล่าเกี่ยวกับตำนานของ “นางสงกรานต์” ทั้ง 7 คนเอาไว้ว่า นางสงกรานต์มีความเกี่ยวข้องกับ “ท้าวกบิลพรหม” หรือ “ท้าวมหาพรหม” เทพผู้สถิตอยู่บนพรหมโลกชั้นที่ 3 มีหน้าที่สอดส่องดูแลมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย และพระองค์ทรงมีพระธิดา 7 องค์ ซึ่งก็คือนางสงกรานต์ทั้ง 7 ดังกล่าวข้างต้น
ตามตำนานเล่าว่าครั้งหนึ่ง “ท้าวกบิลพรหม” เกิดอยากทดสอบปัญญาของมนุษย์หนุ่มผู้หนึ่งนามว่า “ธรรมบาลกุมาร” (ผู้เป็นบุตรของเศรษฐี ที่พระอินทร์ประทานให้ลงมาจุติ) จึงเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อว่า “ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน”
โดยมีเงื่อนไขว่าหากตอบไม่ได้ ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย แต่ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ ท้าวกบิลพรหมก็จะตัดเศียรของตนเพื่อบูชาแก่กุมาร ด้านธรรมบาลกุมารขอเวลา 7 วันเพื่อไปหาคำตอบ
ธรรมบาลกุมารคิดหาคำตอบอยู่นานก็คิดไม่ออก จนล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารบังเอิญได้ยินนกอินทรีสองผัวเมียคุยกัน เกี่ยวกับเรื่องคำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามตนเอง ซึ่งนกอินทรีเผลอเฉลยคำตอบออกมา ธรรมบาลกุมารพอได้ฟังก็จดจำคำตอบนั้นไว้ วันถัดมาซึ่งครบกำหนด 7 วัน ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้มาไปตอบท้าวกบิลพรหมได้ถูกต้อง ดังนั้นท้าวกบิลพรหมจึงต้องทำตามคำพูดของตนที่ลั่นวาจาไว้ นั่นคือตัดเศียรของตนเอง
หลังจากที่ท้าวกบิลพรหมรู้ตัวว่าจะต้องตาย จึงตรัสเรียกธิดาทั้ง 7 องค์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่าพ่อจะตัดเศียรตัวเองเพื่อบูชาธรรมบาลกุมาร แต่เศียรของพ่อนี้หากตั้งไว้บนแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก หากโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง หากนำไปทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง ดังนั้น จึงให้ธิดาทั้ง 7 ต้องหาพานมารองรับเศียรของตน ไม่ให้ตกลงบนพื้นโลก หรือพื้นน้ำ หรือบนอากาศ
จากนั้นมาทุกๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธุลี ณ เขาไกรลาศ แต่ละปีนางสงกรานต์จึงต้องมาทำหน้าที่นี้ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สงกรานต์ 64 ทั่วไทยรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง - ลมกระโชกแรง
สงกรานต์2564 เปิดสถิติคนนั่งรถไฟกลับบ้าน เส้นทางไหนคึกคัก เช็กที่นี่
พลิกโฉมสงกรานต์เหนือ แบบนิวนอร์มอล