บิ๊กสภาการท่องเที่ยวประเมินปี59 ทัวริสต์เที่ยวไทยส่อทะลุ32.54ล้านคน

06 ม.ค. 2559 | 07:00 น.
มุมมองของภาคเอกชนต่อทิศทางด้านการท่องเที่ยวของไทยในปี 2559จะเป็นอย่างไร และมองการทำงานของภาครัฐในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเช่นไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็กประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท.ประเมินทัวริสต์แตะ 32.54 ล้านคน
ประธาน สทท. ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยในปี2559 สำหรับมุมมองของสทท.ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวไทยถึง 32.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2558 และประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.3ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.60 ล้านล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากการเดินทางเที่ยวในประเทศ

ส่วนทิศทางการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ ททท. ในปี 2559 ที่เน้นไปที่เป้าหมายรายได้และนักท่องเที่ยวคุณภาพ เป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยได้ เนื่องจากปัจจุบันองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN WTO)ประเมินว่าความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยยังอยู่ในระดับตํ่า แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม โดยในปี 2558 ไทยถูกจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 141 ประเทศทั่วโลก เป็นอันดับที่ 10 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับที่ 3ของภูมิภาคอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย

โดยด้านที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันตํ่า ได้แก่ ด้านความปลอดภัย (อันดับที่ 132) ด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม (อันดับที่116) และด้านการเดินทางภาคพื้นดิน (อันดับที่ 71) ดังนั้นภาครัฐต้องบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาจุดที่ไทย ยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยังตํ่าอยู่อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีจุดแข็งอีกหลายประการ โดยมีระดับความสามารถด้านการท่องเที่ยวในระดับสูง อาทิด้านทรัพยากรธรรมชาติ (อันดับที่16) ด้านการให้บริการ (อันดับที่21) ด้านทรัพยากรทางศิลปวัฒนธรรม(อันดับที่ 34) และด้านราคาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว (อันดับที่ 36) เป็นต้น

 มั่นใจรายได้ 2.3 ล้านล้านบาท

ในด้านของแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยในปี 2559 สทท.ยังมองทิศทางบวก และการขับเคลื่อนรายได้จากการท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านบาท มีความเป็นไปได้สูง ถ้าสถานการณ์ด้านการเมืองของไทยยังนิ่ง มีความปลอดภัย และไม่มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยบวกของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีนับจากสิ้นปี 2558 และการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคนี้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งตลาดอาเซียนในปี2559 มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันการเดินทางจากภูมิภาคอื่นเข้าสู่อาเซียน ไทยก็จะได้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวจากการเชื่อมโยงการขายกับประเทศเพื่อนบ้าน

“เราต้องเดินหน้าขยายความร่วมมือของทอ่ งเที่ยวอาเซยี น โดยเฉพาะตลาดศักยภาพอย่างมาเลเซียที่เดินทางมาไทยเป็นอันดับ 1 ของตลาดอาเซียน อีกตลาดมาแรงอย่างเวียดนาม มีจำนวนประชากรสูงถึง90 ล้านคน เช่นเดียวกับลาว และอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจซึ่งนอกจากเป็นการเปิดตลาดการท่องเที่ยวให้กว้างขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานที่จะเป็นผลต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ที่ในขณะนี้กำลังประสบปัญหาแรงงานในภาคการท่องเที่ยวขาดแคลน”

รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดการท่องเที่ยวในเอเชียที่มีการขยายตัวของการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีนที่ยังโตต่อเนื่อง ขณะที่นักท่องเที่ยวยุโรป เริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้น ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2558 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกของปี 2559

 จี้รัฐเอาผิดที่พักผิดกฎหมาย

ขณะที่สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ สทท. เชื่อว่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เข้าถึงชุมชน น่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงปลายปี 2558และเห็นผลชัดเจนในช่วงต้นปี2559 ทำให้คนไทยกล้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการโปรโมตเส้นทางเมืองรอง และเส้นทางใหม่ๆตามโครงการเขาเล่าว่าของ ททท. จะทำให้มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวใหม่ๆเพิ่มขึ้นรวมกว่า 24 แหล่งท่องเที่ยว ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ สทท.ยังมีข้อเสนอที่อยากให้ภาครัฐพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมุ่งในเรื่องของการให้ความสำคัญในการพฒั นาบุคลากรเพิ่มขึ้น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแก้ปัญหาเสื่อมโทรม เพราะการเปิดเออีซี ทำให้ทุกประเทศในอาเซยนต่างโปรโมตจุดขายด้านการท่องเที่ยว ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ใหม่และสดกว่ามีโอกาสในการขายและถือเป็นคู่แข่งของไทยเช่นกัน และสุดท้ายคืออยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเอาผิดสถานประ กอบการที่ทำผิด พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรงแรม เพราะการเติบโตของการท่องเที่ยว ก็ทำให้เกิดโรงแรมนอกระบบมากขึ้น ซึ่งก็จะกระทบกับผู้ประกอบการในระบบที่ดำเนินธุรกิจถูกต้อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,119 วันที่ 3 - 6 มกราคม พ.ศ. 2559