ค้าปลีกบุก-ทุนจีนตีตลาด ฉุดสินค้าเกษตรอีสานตกชั้น

14 ก.ย. 2559 | 09:00 น.
พ่อเมืองอุดรห่วงภาคเกษตรเศรษฐกิจอันดับ 1 ของจังหวัดกลับถูก ห้างค้าปลีกรุกพื้นที่ ครองแชมป์แทนที่ แถมถูกเพื่อนบ้านเบียดแซงอย่าง เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา รวมทั้งจีนชี้เกษตรกร ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีในฐานะ จังหวัดหัวหน้ากลุ่มจังหวัดอีสานบน 1 ว่า ปัจจุบันภาคเกษตรของจังหวัดอุดรธานีและกลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน 1 ที่เคยเป็นภาคเศรษฐกิจอันดับ1 กลับตกลงมาอยู่ในลำดับท้าย โดยมีธุรกิจภาคค้าปลีก ค้าส่ง มาเป็นอันดับ1 แทน เพื่อรองรับกำลังซื้อผู้บริโภคในแถบภาคอีสานและ ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ 4 ประเภทคือ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา ที่เคยสร้างรายได้หลัก กำลังประสบปัญหาการแข่งขัน และราคาตกต่ำ เข่นข้าว เดิมที่ไทยเคยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกโดยภาคอีสานเป็นแหล่งปลูกและผลิตมากที่สุดของประเทศ

แต่ปัจจุบัน กลับก็มีคู่แข่งทั้ง ประเทศกัมพูชา เวียดนาม และล่าสุดที่น่ากลัวมากคือประเทศเมียนมาที่เปิดประเทศและมีพื้นที่ ปลูกข้าวที่มีคุณภาพดีมากแห่งหนึ่งของกลุ่มอาเซียนบริเวณปากน้ำอิรวดีที่มีพื้นที่คล้ายกันที่บริเวณปากแม่น้ำแดงของประเทศเวียดนาม หรือยางพาราที่ประเทศจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของไทยมาเป็นเวลานานหลายปี ปัจจุบันจีนเข้ามาทำโครงการปลูกยางพารา อยู่ที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ลาว และในประเทศเวียดนาม ในพื้นที่จำนวนมหาศาลหลายล้านไร่ ก็ทำให้ยางพาราไทยมีปัญหา ราคาซื้อ-ขาย ตกต่ำ และยิ่งในภาคอีสานการทำน้ำยางพาราให้แข็งตัว ก็คือปัญหาผู้ปลูกยางพารา ใช้กรดซัลฟูลิก ในการทำให้ยางแข็งตัว ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของตลาด และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ทั่วไปใช้กรดฟอร์มิกซ์

ซึ่งขณะนี้ทุกภาคส่วนอยู่ระหว่างแก้ปัญหาเร่งด่วนแล้วดังนั้นทางออกเกษตรกรไทย ต้องปรับตัวอาทิ ปรับเปลี่ยนพื้นปลูกพืชชนิดอื่นแทน ในรูปแบบของโซนนิ่งที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่แทน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,191 วันที่ 11 - 14 กันยายน พ.ศ. 2559