‘ชาญอิสสระ’เกาะกระแสอีอีซี ลุยตลาดอสังหาฯย่านศรีราชา

06 ก.ย. 2559 | 11:00 น.
ชาญอิสสระ เตรียมลุยอสังหาฯย่านตะวันออก โฟกัสศรีราชา/อ่างศิลา ชี้รองรับอีอีซี พร้อมเผยความคืบหน้าการย้ายกองทุนรวมฯ คาดแล้วเสร็จไตรมาส 4/59 คาดยอดขายทั้งปีทะลุเป้า 3,000 ล้าน ย้ำที่ดินภูเก็ตถือครองอย่างถูกกฎหมาย
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในระยะเวลา 2 ปี นับจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออก เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

โดยเฉพาะย่านศรีราชาและเส้นบายพาสใกล้โรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ พัทยา ที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัย จึงมีแผนพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ เบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้พื้นที่ประมาณ 50-60 ไร่ อีกทั้งยังสนใจที่ดินทำเลอ่างศิลา เพื่อพัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ใช้พื้นที่ประมาณ 3-4 ไร่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยการเลือกทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ การเลือกการออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละโครงการ การควบคุมคุณภาพในการก่อสร้างซึ่งจะเป็นการช่วยคุมต้นทุนการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีการทำการตลาดผ่านออนไลน์ และ ออฟไลน์ โดยการจัดแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,504 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัย จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,044 ล้านบาท และ โรงแรม จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 2,460 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,832 ล้านบาท และมีโครงการอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,675 ล้านบาท

ด้านความคืบหน้าในการย้ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SPWPF) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่าจะดำเนินการได้ในไตรมาส 4/2559 โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม SPWPF มีมติยุบ เพื่อจัดตั้ง REIT เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง REIT เพิ่มเติม คือ โครงการศรีพันวา เฟส 2 มูลค่า 1,250 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์นั้นจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนโครงการในอนาคต และใช้คืนหนี้สถาบันทางการเงิน

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 1,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีรายได้ 1,171 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากขายอสังหาริมทรัพย์ 1,432 ล้านบาท เติบโต 76.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 811 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากโรงแรม สำหรับยอดขายของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะสามารถทำได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะอยู่ที่กว่า 3,000-4,000 ล้านบาท

ต่อกรณีการนำเสนอข่าวเปรียบเทียบรีสอร์ทหรูในภาคใต้กับภูทับเบิกที่ถูกสั่งรื้อถอนในขณะนี้ว่าเข้าข่ายความผิดดียวกันนั้น นายสงกรานต์ กล่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า "ตนมั่นใจว่าที่ดินที่ถือครองมีโฉนดอย่างถูกต้อง มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหากเป็นที่ดินที่ผิดกฎหมายคงไม่สามารถขยายโครงการได้มากมายจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งบริษัทก็ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความน่าเชื่อถือ หากดำเนินการไม่ถูกต้องก็จะต้องถูกคณะกรรมการและองค์กรที่เกี่ยวข้อคัดค้านอย่างแน่นอน"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,189 วันที่ 4 - 7 กันยายน พ.ศ. 2559