บลจ.กสิกรไทย เชียร์หุ้นขนาดกลางและเล็ก คาดมีโอกาสปรับตัวดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่

24 ส.ค. 2559 | 04:20 น.
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีดัชนีหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งมียอดเข้าซื้อสุทธิกว่า 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนที่มีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก และยังไหลเข้าต่อเนื่องภายหลังผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่านเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้เมื่อเทียบดูข้อมูล 3 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ.2556-2558 พบว่านักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 4 แสนล้านบาท จึงมองว่าหากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป เม็ดเงินลงทุนอาจมีโอกาสไหลกลับเข้ามาได้อีก และถ้าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาจทำให้ SET Index สามารถปรับตัวสูงขึ้นจากที่ปัจจุบันคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ในช่วงปลายปีได้

“การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นไทยในปีนี้ นำโดยการปรับตัวของหุ้นขนาดใหญ่ เห็นได้จากดัชนี SET 50 ที่สามารถปรับตัวเอาชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index)  เนื่องมาจากฟันด์โฟลว์ที่เข้ามาซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับการฟื้นตัวของราคาน้ำมันส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อาจมีจำกัดเนื่องจากปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก มองว่าน่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า โดยตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมา มีหุ้นขนาดกลางและเล็กหลายตัวที่มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ด้วยจำนวนของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีอยู่มากกว่า 500 ตัว ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีโอกาสคัดเลือกหรือแสวงหาหุ้นที่มีความน่าสนใจ อาทิ หุ้นที่ยังมีมูลค่าไม่แพงแต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หรือหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ราคาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือสามารถเติบโตกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคตได้ นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าหุ้นขนาดกลางและเล็ก สามารถให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่า SET Index อยู่ที่ประมาณ 6%”

นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทย มีกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะ คือ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุน (K-MIDSMALL) โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท และเน้นการคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างสม่ำเสมอ โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 14.50% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 11.03% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนที่ 23.10% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.56% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 27.05% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.58% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 2559)

นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยังมีกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ได้แก่ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ซึ่งได้จัดตั้งกองทุนไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ รวมถึงต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งนี้กองทุน KMSRMF สามารถสร้างผลดำเนินงานที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 13.29% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.03% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 21.83% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.56% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 2559)