25 ส.ค.ราคาดีเซลจ่อลงอีก60สต. รัฐปรับลดสัดส่วนบี100 เหลือ 3%

16 ส.ค. 2559 | 00:00 น.
ผู้ใช้น้ำมันดีเซลมีเฮ 25 ส.ค.นี้ ราคาขายปลีกปรับลดลงอีกลิตรละ 60 สต. กระทรวงพลังงานปรับลดบี 100 เหลือในดีเซลเหลือแค่ 3% เป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต เหตุน้ำมันปาล์มดิบขาดแคลน หวั่นกระทบการบริโภคขณะที่ผู้ผลิตไบโอดีเซลโล่งสต็อกน้ำมันปาล์มยังเพียงพอ แต่กระทบกำลังการผลิตหาย

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่คณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ได้ประเมินการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในช่วงไตรมาสที่ 3 อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 แสนตัน ซึ่งเป็นผลจากผลผลิตปาล์มน้ำมัน ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ขณะที่ความต้องการใช้ในภาคการบริโภคและอุตสาหกรรม รวมทั้งภาคพลังงานอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.9 แสนตัน แบ่งเป็นการบริโภคและอุตสาหกรรมอยู่ที่เดือนละ 7.97 หมื่นตัน และภาคพลังงานในการใช้ผลิตไบโอดีเซล(บี 100) เดือนละประมาณ 6.8 หมื่นตัน ประกอบกับราคาปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้นมากที่ระดับ 6-7 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว ทางพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เห็นว่า หากยังคงให้มีการใช้บี 100 ผสมในน้ำมันดีเซลที่ระดับ 5 % ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในการบริโภค จึงได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ปรับลดสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตเป็นไบโอดีเซล ผสมในน้ำมันดีเซลลงเหลือ 3 % หรือบี 3 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป จนกว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกมามากขึ้น เพื่อให้การใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซลอยู่ในระดับที่เหมาะสม

นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการลดสัดส่วนผสมดังกล่าว จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันดีเซลลดลง 2 % ซึ่งจะมีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับลดลงตามได้ถึง 60 สตางค์ต่อลิตรด้วย ในขณะที่การใช้ไบโอดีเซลบี 100 จะลดลงอีกประมาณเดือนละ 37 ล้านลิตร จากปัจจุบันผลิตอยู่กว่า 100 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันดิบลงได้ 2.7 หมื่นตันต่อเดือน หรือมาใช้อยู่ที่ 4.18 หมื่นตันต่อเดือนเท่านั้น

นายศาณินทร์ ตริยานนท์ กรรมการ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) ยังไม่น่ากังวล ปัจจุบันยังมีสต๊อกอยู่ที่ 2 แสนตัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่ไม่น่ากังวลมากนัก แต่ที่กระทรวงพลังงานตัดสินใจปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลบี100 ลดลงมาเหลือ 3% น่าจะมาจากความกังวลสต๊อกซีพีโอ ซึ่งตามปกติสต๊อกในฤดูกาล ที่ผลผลิตปาล์มจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 2-4 ของทุกปี จะต้องมีปริมาณสต๊อกมากกว่านี้ ซึ่งหลังจากนี้ไปในช่วงนอกฤดูกาลจะต้องจับตาดูผลผลิตปาล์มที่ออกมาจะมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ การปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลบี 100 จากเดิมอยู่ที่ 7% เหลือ 5% ทำให้ผู้ผลิตซีพีโอได้รับผลกระทบไปแล้ว เนื่องจากความต้องการใช้ไบโอดีเซลบี100 ลดลง และจะมีการปรับลดเหลือ 3% ก็ยิ่งทำให้ความต้องการใช้ในตลาดหายไปอีก 50% โดยในช่วงที่เป็นไบโอดีเซลบี 7 โรงงานเดินเครื่องอยู่ที่ 65% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันเป็นไบโอดีเซลบี 5 อยู่ เดินเครื่องอยู่ที่ 45% และยิ่งเป็นไบโอดีเซลบี 3 ก็ยิ่งเดินเครื่องผลิตลดลง ดังนั้นหากสถานการณ์ปาล์มเริ่มคลี่คลาย ต้องการให้รัฐกลับมาพิจารณาเพื่อเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลบี100 เพิ่มขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากตลาดซีพีโอในภาคเชื้อเพลิง ทำให้ความต้องการใช้ปาล์มในตลาดสูงขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,183 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559