สานสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่นยามานาชิแต่งตั้ง 'ทูตพิเศษ'ชวนคนไทยเยือนสวรรค์นักชิม

17 ส.ค. 2559 | 09:00 น.
มาตรการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์พำนักระยะสั้น (ไม่เกิน 15 วัน) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นมา และในขณะนี้ได้ขยายเวลาเพิ่มอีก 3 ปี นับเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสะท้อนจากตัวเลขยอดนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปเยือนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือเพิ่มขึ้น 3 เท่า (ราว 206%) เมื่อเทียบสถิติในปีที่ผ่านมา (2558) กับปี 2555 ซึ่งเป็นปีก่อนที่จะมีมาตรการนี้บังคับใช้

[caption id="attachment_85921" align="aligncenter" width="377"] เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ[/caption]

ข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ชี้ว่า ในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไปเยือนญี่ปุ่นโดยรวม 19,737,400 คนในปี 2558 นั้น เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 796,700 คน แน่นอนว่าการผ่อนผันวีซ่าเป็นปัจจัยเอื้อที่สำคัญ แต่ก็มีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น การอ่อนตัวของค่าเงินเยน และมาตรการยกเว้นภาษีให้กับนักท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ จังหวัดต่างๆของญี่ปุ่นยังขยันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวและสินค้ายอดนิยมในพื้นที่ เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากยิ่งขึ้น

ทูตพิเศษจากยามานาชิ

หนึ่งในแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นคือ ภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ ดินแดนแห่งธรรมชาติงาม แหล่งน้ำบริสุทธิ์ ไวน์และผลไม้เลิศรส จังหวัดยามานาชิเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคที่มีกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ชักชวนชาวต่างชาติเที่ยวญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายเนื่องจากที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับสามในจังหวัดดังกล่าว นายฮิโตชิ โกโตะ ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ในระหว่างการเดินทางนำคณะเยือนประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีชาวไทยไปเยือนเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยในปีที่ผ่านมา (2558) มีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนญี่ปุ่นเกือบ 8 แสนคน ในจำนวนนี้ราว 48 % เป็นผู้ที่ไปเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก นอกนั้นคือผู้ที่เคยมาแล้วและมาเที่ยวซ้ำอีก นั่นหมายความว่าเกินครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่กลับไปเยือนญี่ปุ่นซ้ำ

นอกจากนี้ ทางจังหวัดยามานาชิเองก็ได้มีการเก็บข้อมูลพบว่า ในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ไปเยือนจังหวัดยามานาชิและมีการพักค้าง นักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 3 รองจากนักท่องเที่ยวชาวจีน (อันดับ1) และไต้หวัน (อันดับ2) เท่านั้น “จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักค้างในจังหวัดยามานาชิปีละประมาณ 1.4 ล้านคนนั้น เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 6.7 แสนคน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีประมาณแสนกว่าคน และเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพดี ผมเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยที่ไปเยือนยามานาชิจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนคนในเร็ววัน” นายโกโตะกล่าว และยังเปิดเผยว่า

เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสร้างรายได้ที่สำคัญ ทางจังหวัดได้มีการปรับปรุงบริการด้านการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติเพื่อสร้างแรงจูงใจดึงดูดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่มพื้นที่ให้บริการ Wi-Fi ฟรี การให้ข้อมูลเป็นภาษาไทยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการระบุรายการอาหารในเมนูเป็นภาษาไทยมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มบริการรถบัสประจำทางรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างสนามบินฮาเนดะและนาริตะมายังเมืองโคฟุ (เมืองหลักของยามานาชิ) โดยตรงทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทางและสะดวกสบายมากขึ้น ในอนาคตอาจมีการจัดทำแอพพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟนเป็นภาษาไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้ไปเยือนยามานาชิมากขึ้นด้วย

[caption id="attachment_85922" align="aligncenter" width="500"] นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น[/caption]

ในโอกาสเยือนไทยครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ ยังได้แต่งตั้งนายอะโอยามะ นาโออะกิ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น สังกัดสโมสรเวนท์โฟเร็ต โคฟุ และปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลในไทย พรีเมียร์ลีก สังกัดสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตำแหน่งกองหลัง ให้เป็นทูตการท่องเที่ยวของจังหวัดยามานาชิ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ประชาสัมพันธ์ให้เมืองยามานาชิเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

“ผมชอบเมืองไทย ที่นี่มีทะเลสวย คนไทยใจดี และร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยก็มีเยอะแยะมากมาย ผมชอบเมืองไทยมากครับ แต่ก็อยากเชิญชวนคนไทยให้ไปเที่ยวยามานาชิกันมากๆด้วย” นาโออะกิกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม ทั้งนี้ เสน่ห์ของยามานาชิ นอกจากภูเขาไฟฟูจิแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกพีชและองุ่นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น เป็นแหล่งผลิตไวน์เจ้าแรกของประเทศ ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตอัญมณีและน้ำแร่อันดับ 1 ของญี่ปุ่นอีกด้วย เนื่องจากคุณภาพของน้ำที่บริสุทธิ์และและภูมิประเทศที่ดีเหมาะแก่การเพาะปลูกทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง

ด้านนายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ผลจากมาตรการงดเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทะลุ 9 แสนคนในปีนี้อย่างแน่นอน โดย 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าญี่ปุ่นแล้วกว่า 4.5 แสนคน แม้ว่าในแง่หนึ่งจะมีผลพวงทางลบตามมา นั่นคือตัวเลขการหลบหนีเข้าเมืองหรือการอยู่ต่อเกินกำหนด 15 วันโดยไม่มีวีซ่าของคนไทยจะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อยและอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ สถานทูตญี่ปุ่นเองก็ได้มีความร่วมมือกับสถานทูตไทยในญี่ปุ่นในการที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว

“มาตรการนี้มีส่วนดีมากกว่าส่วนเสีย เหตุผลสำคัญคือเราต้องการส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ในปีหน้า (2560) กำลังจะเป็นปีสำคัญแห่งความสัมพันธ์ครบรอบ 130 ปีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ เรากำลังจัดเตรียมและหารือร่วมกันว่าจะมีกิจกรรมเฉลิมฉลองระหว่างกันอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นแล้ว เราไม่เพียงมีความสัมพันธ์ที่ยืนยาว แต่ยังแน่นแฟ้น และนับวันจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,183 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559