กบข.ชี้ปีนี้ผลตอบแทนมีโอกาสแตะ4%

07 ส.ค. 2559 | 11:00 น.
เลขาธิการ กบข. เชื่อผลตอบแทนรวมของสมาชิกปีนี้มีโอกาสได้ถึง 4% หลังเดือนกรกฏาคมทำได้แล้วกว่า 3% เผยอยู่ภายใต้เงื่อนไขหุ้นไทยไม่เกิดสถานการณ์ทางลบอย่างฉับพลัน เพิ่มพอร์ตลงทุนในอสังหาฯ ต่างประเทศ กระโดดเกาะกระบวนรถไฟเงินไหลเข้าลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่

[caption id="attachment_79107" align="aligncenter" width="376"] สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)[/caption]

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ผลตอบแทนรวมของสมาชิก กบข. มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปถึงระดับ 4% หลังครึ่งปีแรกได้ผลตอบแทนแล้ว 2.7% ขณะที่สิ้นเดือนกรกฏาคม ทำได้เกิน 3% อย่างไรก็ดีผลตอบแทนดังกล่าวต้อองอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าหากไม่เกิดสถานการณ์ในทางลบอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยไม่ปรับตัวลงแรง

ปัจจัยที่จะทำให้ผลตอบแทนกบข.เติบโตได้ในระดับดังกล่าวนั้น ส่วนหนึ่งจะมาจากตลาดหุ้นไทยที่ปีนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ผลตอบแทนบวกลบประมาณ 7% และตลาดพันธบัตรที่แม้ว่าจะให้ผลตอบแทนไม่สูงมากนัก แต่กบข. มีการลงไปกว่า 60%

อย่างไรก็ดียุทธศาสตร์สำคัญที่กบข.ใช้ก็คือ วิธีการกระจายความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดผลกำไรอย่างสม่ำเสมอในทุกปี เพราะในบางช่วงหรือบางปีตลาดหุ้นไทยก็ให้ผลกำไรมาก แต่บางจังหวะเวลาตลาดหุ้นโลกก็ทำกำไรได้ดีกว่า ในขณะที่ปัจจุบันกบข.ลงทุนในหุ้นไทยสัดส่วน 6.5% ของพอร์ตการลงทุนในหุ้นรวมทั้งหมด 19%

เลขาธิการกบข. กล่าวถึงปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยว่า ลงประชามติวันที่ 7 สิงหาคมนี้ มองว่าน่าจะมีผลไม่มากนัก เนื่องจากไม่ว่าผลการลงประชามติจะออกมาเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นความคืบหน้าไปอีกระดับหนึ่ง เพราะหากประชามติผ่านก็สามารถเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้ หากประชามติไม่ผ่านก็คาดว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่อีก 1 ฉบับ อีกทั้งระยะเวลาของการเลือกตั้งก็คงไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก

"การลงปะชามติจะผ่านหรือไม่มองว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจเล็กน้อย แต่จะไม่ใช่เรื่องยาว ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่คนคิดว่าจะมีผลถล่มทลายอย่างเบร็กซิท ก็มีการคาดการณ์ผิดกันอย่างมาก โดยมีผลกระทบเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น " เลขาธิการกบข.กล่าวและว่า

ส่วนปัจจัยที่กบข. ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลก และของไทย โดยอาจจะให้น้ำหนักในประเทศมากพอสมควร เพราะกบข.มีการลงทุนค่อนข้างมาก แต่ก็ต้องให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกควบคู่ไปด้วย โดยกบข.มีการลงทุนไปกว่า 24% ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลต่อการให้ผลตอบแทน นอกจากนี้ก็จะมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางด้านอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ซึ่งจะมีผลต่ออัตราผลตอบแทนของไทย และต่อตลาดหุ้น

สำหรับนโยบายการลงทุนของกบข.จากนี้ไป จะการขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มเดิม ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 2.4% ของพอร์ตสมาชิก จากปัจจุบันที่กบข. ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 7% ตามกรอบเพดานเดิมที่ลงทุนได้ไม่เกิน 8% แต่ปัจจุบันได้มีการแก้ไขกฎหมายให้มีการลงทุนได้เป็น 12% แต่จะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ลงทุนในครั้งเดียว โดยการขยายการลงทุนดังกล่าวนี้ก็จะมีการกระจายไปในหลายทวีป เพราะสามารถว่าจ้างผู้จัดการกองทุนที่มีขอบเขตการบริหารได้ในหลายพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว

ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 14% ของพอร์ตสมาชิก ก็อาจจะมีการขยับสัดส่วนจากเดิมที่เคยลงทุนในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมาก มาสู่กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายมีการปรับเป้าหมายไปสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

อนึ่ง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 กบข.มีเงินลงทุนรวม 3.62 แสนล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,180 วันที่ 4 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559