ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้  ยื่นไฟลิ่งฯขอเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 75 ล้านหุ้น

11 ก.ค. 2559 | 05:46 น.
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น ซึ่งประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 37.50 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อีกจำนวน 37.50 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

ปัจจุบัน บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยเป็นทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้วทั้งหมด มีจำนวน 262.50 ล้านบาท หรือคิดเป็น 262.50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘Onetouch’ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2. ธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น (OEM) ให้แก่บริษัทเอกชนและองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และ 3. ธุรกิจงานประมูลโดยเข้าร่วมประมูลงานผลิตถุงยางอนามัยกับองค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำไปใช้จำหน่ายและแจกจ่ายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้ง 1,959 ล้านชิ้นต่อปี จากฐานการผลิตของโรงงาน 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กำลังการผลิตติดตั้ง 426 ล้านชิ้น และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรีอีก 1,533 ล้านชิ้น เพื่อรองรับแผนดำเนินงานทางธุรกิจที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยภายใต้เครื่องหมายการค้า Onetouch เพื่อจำหน่ายผ่านผู้จัดจำหน่ายและตัวแทนจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น กลุ่ม CLMV (กัมพูชา  สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม) และประเทศอียิปต์

กลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นหรือ OEM ที่บริษัทฯ ได้รับจ้างผลิตให้แก่บริษัทเอกชนและองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 ประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา อเมริกา ออสเตรเลียและตะวันออกกลาง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับ United Medical Devices ภายใต้เครื่องหมายการค้า PLAYBOY ทั่วโลกและเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender) โดยบริษัทฯ มีศักยภาพด้านกำลังการผลิตและมาตรฐานที่มีคุณภาพสูงซึ่งสามารถตอบรับหลักเกณฑ์ของธุรกิจการประมูลได้ ทั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มการใช้กำลังการผลิตของบริษัทฯ หวังลดต้นทุนการผลิตสินค้าต่อหน่วย  โดยได้เข้าไปประมูลงานจากองค์กรภาครัฐและองค์กรเอกชน (NGOs) ทั้งในและต่างประเทศ

“เราถือเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งมากที่สุดของไทยและมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเราผลิตถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ประเภทเจลหล่อลื่นเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต้องการขยายตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ Onetouch ไปยังตลาดใหม่ๆ ในทวีปต่างๆ และขยายฐานลูกค้าในการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น (OEM) เพิ่มเติม เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายอมร กล่าว