ส่องหุ้นไทยครึ่งปีหลัง ลุ้นทะยาน 1,550 จุด

07 ก.ค. 2559 | 08:30 น.
ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรก จัดว่าเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ที่สุดในอาเซียน และสามารถตีฝ่าคลื่นแห่งความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุนโลก ได้อย่างปลอดภัย โดยให้ผลตอบแทน 12.55 % ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปิดที่ 1,444.99 จุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เทียบจากสิ้นปี 2558 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปิดที่ ระดับ 1,283.78 จุด เพิ่มขึ้น 161.21 จุด

[caption id="attachment_68707" align="aligncenter" width="700"] ดัชนีตลาดหลักทรัพย์รอบ 6 เดือนแรก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์รอบ 6 เดือนแรก[/caption]

ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง โฟกัสระยะใกล้ คือ ไตรมาส 3 นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์)ตลอดจนผู้จัดการกองทุน มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย

เริ่มที่ผู้เชี่ยวชาญด้านฟันด์โฟลว์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนิตี้ จำกัด ”ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” มีมุมมองว่า “เบร็กซิท” จะทำให้มีการลดคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจโลก แต่จะมาพร้อมด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลกและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และอาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในไตรมาส 2 ปี 2560

ภายใต้สถานการณ์ช่วงดอกเบี้ยต่ำ “ดร.วิศิษฐ์” กล่าวว่า จะทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ ผลที่ตามมาคือ ทำให้เกิดภาวะความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกโดยเฉพาะหุ้นในตลาดเกิดใหม่ รวมหุ้นไทยและทองคำ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากพันธบัตรเข้าตลาดหุ้น

“ครึ่งปีหลังนี้คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,550 จุด แต่ช่วงสั้น คาดว่าอาจจะมีแนวต้านที่ 1,470-1,480 จุด อีกทั้ง เบร็กซิท จะไม่ทำให้หุ้นไทยหลุด 1,400 จุด “

ดร.วิศิษฐ์ กล่าวและว่า การฟื้นตัวของรายได้ภาคเกษตรจะทำให้หุ้นกลุ่มอาหารและเกษตร การบริโภคภายในและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลับมาฟื้นตัว

สอดคล้องกับ”เกรียงไกร ทำนุทัศน์ “ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. เออีซี กล่าวว่า บริษัทฯปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย( SET ) มาอยู่ที่ระดับ 1,530 จุดในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยมองว่าต้นทุนความเสี่ยงของไทยที่ลดลง 1.8% รอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลบวกต่อการประเมินมูลค่าต่อตลาดหุ้นไทย โดยสามารถปรับเป้าหมายของต้นทุนส่วนผู้ถือหุ้นไปที่ 11% หรือมีผลบวกต่อราคาเป้าหมายดัชนีที่ 80 จุด ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายดัชนีใหม่จะพบว่า SET ยังซื้อขายด้วยระดับพีอี เรโช ที่ 17.4 เท่า และราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี( PBV)1.9 เท่า

ส่วนปัจจัยที่น่าสนใจ และมีผลต่อการลงทุนในช่วงไตรมาส 3 นี้ เช่น โครงการที่กำลังจะเริ่ม ดำเนินการผลิตมีโครงการ UHV ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)(บมจ.)( IRPC) โครงการพลังงานลมของบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และบมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง ( GUNKUL)

การเปิดประมูลโครงการที่มีความแน่นอนแล้ว คือโครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในเดือนสิงหาคม การประมูลรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่ การประมูลโครงการปรับสายไฟฟ้าลงดิน และโครงการวางเครือข่ายไฟเบอร์ รวมถึงการเร่งเปิดโครงการใหม่ของกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยสัดส่วนการเปิดโครงการเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่อาศัยคิดเป็น 70% ของแผนการเปิดโครงการในปี 2559 และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในธุรกิจโรงไฟฟ้า และการได้กำลังการผลิตในโครงการพลังงานทดแทนเพิ่ม

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน “เกรียงไกร” แนะนำกลุ่มสายการบิน พลังงานทดแทน กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (ที่อยู่อาศัยและเพิ่มกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง) และเครื่องดื่ม ส่วนการลงทุนระยะยาวที่มองว่ามีส่วนต่างจากราคาเป้าหมายสูงได้แก่ หุ้นของบมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และบมจ.พลังงานบริสุทธิ์

มาที่มุมมองของ”มณฑล จุนชยะ” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด กล่าวว่า ผลจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ของประเทศเศรษฐกิจหลัก เริ่มส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการดำเนินมาตรการนโยบายทางการเงินต่อไปอีกสักระยะ ได้ส่งผลดีโดยตรงต่อตลาดเกิดใหม่

ขณะที่ผู้จัดการกองทุนรายนี้กล่าวเตือนว่า การลงทุนในครึ่งปีหลัง ปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว และในบางจังหวะตลาดมีความผันผวน ดังนั้นจึงแนะนำนักลงทุนให้จัดสรรพอร์ตการลงทุนเพื่อลงทุนในกองทุนที่มีความผันผวนตามตลาดค่อนข้างต่ำ เช่น หุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ที่มีการจ่ายเงินปันผลน่าสนใจ หรืออุตสาหกรรมที่มีความต้องการลงทุน เช่น โรงพยาบาล เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวมักสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

“หุ้นโรงพยาบาลน่าสนใจ เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่หวือหวาเน้นการจ่ายปันผล อีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือลงทุนได้ 2-3 ปี “

“มณฑล “ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า หากพิจารณาในเชิงโอกาสการแข่งขันของธุรกิจแล้ว นับว่าเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง เพราะธุรกิจโรงพยาบาลเป็นสถานพยาบาลที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ อีกทั้งยังเติบโตได้ดีในสังคมที่นิยมการรักษาสุขภาพ

ทั้งหมด คือ ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง ที่ส่องโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,172 วันที่ 7 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559