SAMCO รุกตลาดเช่าลดเสี่ยง เร่งรีแบรนด์สู่ 'สัมมากร เพลส'เจาะคนรุ่นใหม่

09 ก.ค. 2559 | 06:00 น.
สัมมากร ประกาศรุกตลาดเช่าหวังกระจายความเสี่ยง พร้อมเร่งรีแบรนด์ "สัมมากร เพียว เพลส" สู่ "สัมมากร เพลส" เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ประเดิมโครงการแรกที่รามคําแหง 110 พร้อมประกาศแผนงานครึ่งหลังปี 2559 ลุยเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท คาดอัตราการเติบโตตามเป้า 10-15%

[caption id="attachment_68006" align="aligncenter" width="335"] กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) หรือ SAMCO เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทรับโอนอาคารศูนย์การค้า พรีเมียร์ สัมมากร รามคําแหง 110 ซึ่งครบกำหนดสัญญาเช่าเมื่อไตรมาส 1/2559 บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะนำโครงการดังกล่าว ซึ่งมีขนาดพื้นที่ขายมากกว่า 9,000 ตารางเมตร มาพัฒนาปรับปรุงใหม่ ภายใต้ชื่อโครงการ สัมมากร เพลส โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงและก่อสร้างอาคารสำนักงานเพิ่มเติมมากกว่า 30 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีผู้เช่าหลักที่เป็นโรงพยาบาล ธนาคารและซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่รวมประมาณ 7,000 ตารางเมตร ที่เหลือจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวให้กับคอมมิวนิตีมอลล์

ทั้งนี้ โครงการศูนย์การค้า พรีเมียร์ สัมมากร รามคําแหง 110 จะเป็นโครงการนำร่องของโครงการรีเทลทั้งหมดของสัมมากรในปัจจุบันได้แก่ เพียวเพลส รังสิต คลอง 2 เพียวเพลส ราชพฤกษ์ และเพียวเพลส รามคำแหง ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะเปลี่ยนชื่อเป็น สัมมากร เพลส ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำในแบรนด์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภคในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ต้องตอบโจทย์คนเมืองและมีความสะดวกสบายที่ครบวงจร

โดยคาดว่าหากมีการปรับปรุงโครงการและรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด จะช่วยให้อัตราค่าเช่าปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนเป็น 500 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี หลังรีแบรนด์คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าอยู่ที่ประมาณต่อปี 200 ล้านบาท

"ธุรกิจเพื่อเช่าอย่างรีเทลมีโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการแข่งขันในปัจจุบันจะมีค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในสัดส่วนคงที่ สามารถหล่อเลี้ยงบริษัทได้ แม้ว่าตลาดอสังหาฯจะอยู่ในสภาวะไม่ดีก็ตาม ดังนั้นธุรกิจนี้จึงถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทได้เป็นอย่างดี"นายกิตติพล กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,400 ล้านบาท โดยจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ มูลค่า 1,200 ล้านบาท จำนวน 140 หน่วย ระดับราคา 6.8-15 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวรังสิต-คลอง7 มูลค่า 1,900 ล้านบาท จำนวน 383 หน่วย ระดับราคา 3.6-11 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ รามอินทรา-วงแหวนมูลค่า 1,300 ล้านบาท จำนวน 345 หน่วย ระดับราคา 2.1-4 ล้านบาท ในส่วนของงบซื้อที่ดินในปีนี้อยู่ที่ 900-1,000 ล้านบาท โดยจะซื้อที่ดินใหม่ทั้งหมด 3 แปลง เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2560 ปัจจุบันซื้อแล้วจำนวน 1 แปลง ที่เหลืออีก 2 แปลงอยู่ระหว่างการเจรจา โดยทั้ง 3 แปลงเป็นที่ดินในโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก ฝั่งเหนือ และฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นทำเลที่ที่บริษัทมีความชำนาญและเป็นที่รู้จัก

ในส่วนของเป้าการเติบโตบริษัทตั้งเป้าจากปี 2558 ไว้ที่ 10-15% ซึ่งมีรายได้ 1,500 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1/2559 บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 333 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 60% และโครงการคอนโดมิเนียม 40% นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าจากการรับโอนอาคาร ศูนย์การค้า พรีเมียร์ สัมมากร รามคำแหง 110 ซึ่งอยู่บนที่ดินตามสัญญาเช่าที่ดินที่ครบสัญญาเช่ามาเป็นสินทรัพย์มูลค่า 79 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสแรกบริษัทมีรายได้จากขายอสังหาฯและรายได้จากค่าเช่า ประมาณ 412 ล้านบาท ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอนทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2559 นายกิตติพล กล่าวเพิ่มเติมว่า มีอัตราการเติบโตในทิศทางที่ดี ซึ่งเห็นได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีจำนวนกว่า 190,000 ล้านบาท เติบโต 55% โดยมีปัจจัยจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,172 วันที่ 7 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559