‘โตโต้’บุกหนักครึ่งปีหลัง ลั่น 3 ปีขยับ1ใน3แบรนด์ยอดนิยม

03 ก.ค. 2559 | 13:00 น.
"โตโต้" ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุขภัณฑ์ยาวนานกว่า 100 ปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในญี่ปุ่นสูงถึง 70% สำหรับในประเทศไทยแบรนด์ "โตโต้" ยังถือว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่สูง ในขณะที่อัตราการเติบโตของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนภาคโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่มองว่าประเทศไทยจะเป็นฮับสำคัญของประชาคมฯ จึงทำให้บริษัทโตโต้ประเทศญี่ปุ่น รุกทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าก้าวสู่ 1 ใน 3 แบรนด์ที่ครองใจคนไทยในระยะเวลา 5 ปี (2558-2562) พร้อมมอบหมายให้ นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ (Mr.Hiroyuki Suzuki) ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินแผนการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง

คาดปี 59 ยอดขายโตเกินเป้า

นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หลังจากที่เริ่มดำเนินแผนการรุกตลาดมา 1 ปี พบว่า แบรนด์ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ดูได้จากยอดขายในช่วงที่ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ยอดขายในปี 2559 จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 25% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการเติบโตต่อปีที่ประมาณ 20% สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ด้านสภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากบริษัทหันมารุกตลาดกลาง-บน เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นแต่ในส่วนของตลาดซุปเปอร์ไฮเอนด์เป็นหลัก โดยการเพิ่มสินค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะตลาดในระดับกลาง-บนมีขนาดตลาดที่ใหญ่ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในปี 2562-2563 ยอดขายในกลุ่มกลาง-บนจะอยู่ที่ 10% หรือคิดเป็นยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่าตัว

สำหรับการเพิ่มสินค้าในกลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้นนั้น บริษัทได้มีการตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2555 ผลิตสินค้าได้ 5 แสนชิ้นต่อปี ในจำนวนนี้ผลิตเพื่อการส่งออก 70% ใช้เองภายในประเทศ 30% ซึ่งในอนาคตหากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ บริษัทจะลดการส่งออกเหลือเพียง 20% เพื่อใช้ภายในประเทศ 80%

"ตลาดสุขภัณฑ์ภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนรอบด้าน ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมปรับปรุงที่อยู่อาศัยตลอดเวลา และห้องน้ำเป็นพื้นที่หนึ่งที่ผู้บริโภคจะปรับปรุง ส่งผลให้ตลาดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง"

 เปิดโชว์รูม-โชว์นวัตกรรมขยายช่องทางขาย

สำหรับกลยุทธ์การรุกตลาดของบริษัทนั้นจะเน้นเรื่องของการเสริมสร้างความรู้และกระตุ้นกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น การจัดงานอีเว้นท์ โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ปรับปรุงโชว์รูมใหม่ ขยายตัวแทนจำหน่าย เพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อได้มากขึ้น โดยสิ่งที่จะเห็นเป็นรูปธรรมเร็วที่สุดในขณะนี้คือการเปิดโชว์รูมใหม่ โดยปิดโชว์รูมชั้น 1 ที่อาคารคิวเฮ้าส์ เพลินจิต ขนาดพื้นที่ประมาณ 400 ตารางเมตร ไปเปิดใหม่ที่อาคาร จีทาวน์เวอร์ ถนนพระราม 9 แทน ถือเป็นโชว์รูมแรกของประเทศไทยที่นำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยของสุขภัณฑ์เหมือนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดพื้นที่มากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับโชว์รูมในปัจจุบัน

โดยคอนเซ็ปต์ของโชว์รูมใหม่ จะเน้นการโชว์นวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของโตโต้ ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ซึ่งโชว์รูมดังกล่าวจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นดีเวลลอปเปอร์ ดีไซน์เนอร์ เป็นหลัก เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ความความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ งานต่อการตัดสินใจซื้อหรือถ่ายทอดไปสู่บุคคลทั่วไป

นอกจากนี้จะมีขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 2 สาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ภูเก็ตและเชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 2 สาขาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับสาขาต่อไปบริษัทมองจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอุดรธานีไว้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นำระบบ e-water ทำตลาดครึ่งปีหลัง

นายฮิโรยูกิ ซูซูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัว Neorest with Actilight สุขภัณฑ์ฆ่าเชื้อและสลายสิ่งสกปรกด้วยตัวเอง และก๊อกผสมสำหรับอาบน้ำระบบควบคุมอุณหภูมิน้ำได้คงที่ Shape Memory Alloy (SMA) เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้าระดับไฮเอนด์ และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการนำฝารองนั่งอัตโนมัติดีไซน์ใหม่มาทำตลาด หลังจากแบบเดิมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทจะครบรอบ 100 ปี บริษัทจึงมีแผนที่จะปรับโฉมโชว์รูมใหม่ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 17 โชว์รูม 25 เอเยนซี

การรุกตลาดอย่างจริงจังของโตโต้ เพื่อชิงมาร์เก็ตแชร์ของเจ้าตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยประวัติอันยาวนานในการเป้นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภัณฑ์คงไม่ใช่เรื่องยากที่สุขภัณฑ์แบรนด์นี้จะขึ้นมาครองใจผู้บริโภคได้ภายในระยะเวลา 5 ปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,171 วันที่ 3 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559