ลุ้นเป้าส่งออกตลาดจีนโต3.5% แก้เกมขาดดุล 6 แสนล้าน/‘สมคิด’ ดึงสตาร์ตอัพลงทุนไทย

02 ก.ค. 2559 | 09:30 น.
พาณิชย์เร่งเครื่องบุกตลาดจีนครึ่งปีหลัง ดันเป้าส่งออกทั้งปีขยายตัว 3.5% จาก 5 เดือนยังติดลบ เน้นเจาะเมืองรอง ยกระดับเมืองหลัก ชี้ช่องเอกชนเจาะตลาดออร์แกนิกในแดนมงั กรที่กำ ลังมาแรง ชิงเค้ก 3 แสนล้าน เผยตัวเลขปี 58 ไทยขาดดุลการค้าจีนกว่า 6 แสนล้านบาท ด้าน“สมคิด” นำคณะเยือน ดึงสตาร์ตอัพลงทุนไทย

[caption id="attachment_66870" align="aligncenter" width="700"] การค้าระหว่างประเทศของไทยกับจีน การค้าระหว่างประเทศของไทยกับจีน[/caption]

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงพาณิชย์(พณ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงยุทธศาสตร์การบุกตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดศักยภาพสูงของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ซึ่ง ว่า จะเน้นเจาะตลาดเมืองรองและยกระดับเมืองหลัก โดยจะขยายช่องทางจำหน่ายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่และวัฒนธรรมการบริโภคยุคสังคมเมืองและเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ สำหรับกิจกรรมในช่วงครึ่งปีหลังเช่นการร่วมงานแสดงสินค้าไชน่า-อาเซียนเอ็กซ์โปร ที่เมืองหนานหนิง โครงการส่งเสริมครัวไทยสู่ครัวโลกและสินค้าฮาลาล โครงการส่งเสริมนักธุรกิจเอสเอ็มอีในจีน เป็นต้น

สำหรับช่วง 5 เดือนแรกของปี 2559 ไทยมีการส่งออกสินค้าไปตลาดจีนมูลค่า 8,817.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 7.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าสินค้าส่งออกของไทยไปจีน 5 อันดับแรกได้แก่ เม็ดพลาสติก ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ โดยในปี 2559 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยไปตลาดจีนขยายตัวที่ 3.5% (จากปี 2558 มีมูลค่าส่งออก 2.3หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดลบ 5.3%)

อย่างไรก็ตามสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม และเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในตลาดจีนคือสินค้าออร์แกนิก ซึ่งถือเป็นโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการไทยในตลาดจีน เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว ทำให้ผู้บริโภคตื่นตัวกับกระแสกรีน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สีเขียวตลอดจนผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดจีนมากขึ้นเรื่อยๆ จากการคาดการณ์ในปี 2558 ที่ผ่านมาตลาดออร์แกนิกในจีนมีมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านหยวน(ราว 3 แสนล้านบาท คำนวณที่ 1 หยวนเท่ากับ 5 บาท) โดยมีอัตราเติบโตถึง 30% ต่อปี

"สินค้าออร์แกนิกส่วนใหญ่จะราคาค่อนข้างสูง ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ในจีนมักจะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ดี เช่นพนักงานบริษัทต่างชาติ ผู้บริหารระดับสูง ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในจีน และเจ้าของกิจการ แม้ว่าคนจีนจะอ่อนไหวกับราคาที่จะนิยมซื้อของราคาถูกแต่ชาวจีนบางส่วนเองก็มีค่านิยมความเชื่อว่าสินค้าที่มีราคาสูงจะมีคุณภาพดีและปลอดภัย" แหล่งข่าวกล่าวและว่า

อย่างไรก็ตามระหว่างวันที่ 25-30 มิถุนายน 2559 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยภารกิจส่วนหนึ่งได้หารือกับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ดูแลด้านเศรษฐกิจ ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เพื่อชักจูงการลงทุน แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวล่าช้าขณะที่สถานการณ์ในแต่ละภูมิภาคยังไม่แน่นอน และสหราชอาณาจักรเพิ่งผ่านการลงประชามติออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีสภาพสลับซับซ้อน ซึ่งจากการหารือได้แลกเปลี่ยนข้อมูลโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการค้า ระหว่างกัน

ทั้งนี้รัฐบาลจีนเองได้ให้ความกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในไทย ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์ไอซีที อุปกรณ์โทรคมนาคม และกลุ่มเครื่องจักรและยานยนต์ ซึ่งการไปเยือนในจีนครั้งนี้ของ ดร.สมคิดพร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีฯ ซึ่งทางบริษัทสนใจจะลงทุนศูนย์วิจัยและพัฒนาบุคลากรในไทยเพื่อเป็นฐานกระจายไปยังตลาด CLMV และอาเซียนใช้เงินลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดได้ในปลายปีนี้ โดยจะเปิดโอกาสให้ เอสเอ็มอี สตาร์ตอัพของไทยนำผลิตภัณฑ์มาทดสอบ ก่อนทำตลาดได้ นอกจากนี้ได้หารือกับกลุ่มบริษัทสตาร์ตอัพของจีนอีก 7-8 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการบ่มเพาะธุรกิจและกำลังเติบโตในจีนมาลงทุนในไทยด้วย

อนึ่ง ในปี 2558 จีนเป็นตลาดส่งออกของไทยในสัดส่วน 11.08% ของการส่งออกในภาพรวม โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าจีน 17,323 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 6.01 แสนล้านบาท) สินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีน 5 อันดับแรก ประกอบด้วย เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ,เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,170
วันที่ 30 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559