‘ทุนใหญ่’จัดหนัก เดินหน้าไล่ชิงแชร์ตลาดบิ๊กอสังหาฯ

23 มิ.ย. 2559 | 04:30 น.
ภาพของกลุ่มทุนรายใหญ่เร่งขยายธุรกิจอสังหาฯ เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาและยิ่งทวีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กก็เริ่มหายไปจากตลาด เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับตํ่าอย่างต่อเนื่องและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทำให้กลุ่มทุนและผู้ประกอบการรายใหญ่ นำ เงินมาลงทุนมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กก็ตกอยู่ในภาวะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ด้วยเหตุนี้ตลาดจึงตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนและผู้ประกอบการรายใหญ่

[caption id="attachment_64761" align="aligncenter" width="700"] กลุ่มทุนใหญ่ VS บิ๊กอสังหาฯ ชิงเค็กค่า 6 แสนล้าน กลุ่มทุนใหญ่ VS บิ๊กอสังหาฯ ชิงเค็กค่า 6 แสนล้าน[/caption]

 รายใหญ่แข่งเดือด

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปัจจุบันที่ 2% ถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับนี้ไปอีกอย่างน้อยตลอดทั้งปี ส่งผลให้กลุ่มทุนรายใหญ่และผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% อาทิ สิงห์ เอสเตท , แมกโนเลีย , บีทีเอส ฯลฯ นำเงินมาลงทุนในธุรกิจอสังหาฯเพิ่มมากขึ้น ทั้งในรูปแบของการเปิดตัวโครงการใหม่ การซื้อกิจการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม คอมเมอร์เซียล ฯลฯ

"กลุ่มทุนและผู้ประกอบการรายใหญ่มีความได้เปรียบในเรื่องของการระดมทุนไม่ว่าจะเป็น การออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือการหาพันธมิตรธุรกิจ โดยลักษณะของการพัฒนาโครงการจะเน้นโครงการมิกซ์ยูสเป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มทุนเหล่านี้จะใช้ความถนัดของตนเองเพื่อพัฒนาสินค้า และหาพันธมิตรที่มีความถนัดในอีกธุรกิจมาร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะที่รายกลาง-เล็กมีปัญหาเรื่องจากเข้าถึงแหล่งทุนส่งผลให้การขยายหรือดำรงอยู่ในธุรกิจเป็นไปได้ยาก ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าตลาดอสังหาฯจะตกเป็นของรายใหญ่มากขึ้น ขณะที่การแข่งขันเรื่องการทำการตลาดจะรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน โดยแต่ละรายจะสร้างเอกลักษณ์และความโดดเด่นให้กับสินค้าของตนเองมากกว่าการจัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม เหมือนในอดีต ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มของผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก "นายประเสริฐ กล่าว

ซีพีเอ็น ชูจุดเด่นที่อยู่อาศัยติดห้าง

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะที่ ซีพีเอ็น เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าทั้งในรูปแบบค้าปลีกรวม 29 สาขา อาคารสำนักงานให้เช่า 7 อาคาร และอาคารที่พักอาศัย 1 โครงการ บริษัทจึงได้ต่อยอดธุรกิจโดยนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาให้มีมูลค่ามากขึ้น ด้วยการให้บริษัท ซีพีเอ็น เรซซิเด้นซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกมาดูแลรับผิดชอบพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ติดกับศูนย์การค้า เสริมความสมบูรณ์แบบให้ธุรกิจ รวมถึงสร้างโอกาสในการนำศักยภาพจากกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายในกลุ่มเซ็นทรัล มาสร้างความแตกต่าง ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม เอสเซ็นท์ จำนวน 3 โครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดระยอง รวมมูลค่า2,735 ล้านบาท

ด้าน ร.อ.กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการพิเศษ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 3 โครงการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ "ชีวิตที่ใช่...ใกล้แค่ก้าว" โดยต่อยอดธุรกิจจากศูนย์การค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าให้พื้นที่และสร้างความแข็งแกร่งของโครงการแบบมิกซ์ยูส ทั้งนี้ โครงการ ‘เอสเซ็นท์ เชียงใหม่ คอนโด’ (ESCENT CHIANGMAI CONDO) มูลค่าโครงการ ประมาณ 925 ล้านบาท จำนวน 400 หน่วย ปัจจุบันปิดการขายแล้ว 100% สำหรับโครงการที่ขอนแก่นและระยอง มียอดขายกว่า 85% ซึ่ง คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ไม่เกินไตรมาส 3/2559 และทั้ง 3โครงการคาดว่าจะส่งมอบได้ในไตรมาสแรกปี 2561

"โครงการเอสเซ็นท์ เชียงใหม่คอนโด เปิดขายเมื่อเดือนมกราคม 2559 ด้วยราคา 73,000 บาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 85,000 บาทต่อตารางเมตร แสดงให้เห็นว่าโครงการที่อยู่อาศัยในลักษณะนี้เป็นที่ต้องการของตลาด แม้ว่าบริษัทจะเปิดราคาขายสูงกว่าโครงการอื่นๆในพื้นที่ ที่มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่น -7 หมื่นบาทต่อตารางเมตร สำหรับจำนวนสินค้าคงเหลือในเชียงใหม่ที่อยู่ในระดับเดียวกับโครงการอยู่ที่ประมาณ 1,200 หน่วย"ร.อ.กรี กล่าว

สำหรับแผนการลงทุนด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยของซีพีเอ็น ร.อ.กรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตด้านรายได้ที่ประมาณ 10% ต่อปี และจะมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในพื้นที่ศูนย์การค้า ซึ่งการมีที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพื้นที่ติดกับศูนย์การค้า จะช่วยเพื่อเพิ่มลูกค้าให้กับศูนย์การค้าและเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย

เอพี เน้นสร้างความแข็งแกร่งในองค์กร

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน หรือ AP กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดอย่างแท้จริงเหมือนในอดีต อย่างของเอพีเองเดิมเคยเป็นเจ้าตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในเมือง แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการทุกคนสามารถเข้ามาลงเล่นในตลาดนี้ได้ ส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการในปัจจุบันเปลี่ยนไปต้องมีการวางแผนที่ดีและพลาดไม่ได้

ในส่วนของบริษัทเองมุ่งเน้นที่จะแข่งขันภายใต้กลยุทธ์การสร้างองค์กรให้แข็งแกร่ง ด้วยการปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ จัดทำเป็นบิสซิเนสกรุ๊ป ตามประเภทสินค้า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม การรวมทีมบริหารหลังการขาย ซึ่งได้แก่ คอลเซ็นเตอร์ ฝ่ายบริหารจัดการอาคารและหมู่บ้าน และทีมซ่อมบำรุง ให้อยู่ในฝ่ายเดียวกัน เพื่อให้สามารถรับเรื่องปัญหาเกี่ยวกับบ้านและสามารถแก้ไขได้ทันทีจากเดิมที่แยกทีมกัน ซึ่งบุคลากรที่มีคุณภาพเท่านั้นจึงจะสามารถผลักดันองค์กรให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,168 วันที่ 23 - 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559