‘เสนา’ผู้นำอสังหาฯพลังงานสะอาด ตั้งเป้า 5 ปี โกยรายได้ 5 พันล้าน

21 มิ.ย. 2559 | 07:00 น.
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นค่ายอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่กล้าประกาศว่าจะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดแบบ 100% ทั้งโครงการ โดยมีผู้บริหารคนสวยอย่าง ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหารบริษัท เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินงาน มีเป้าหมายสุดท้าทายที่รายได้ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 10-20% ต่อปีโดยมีธุรกิจโซลาร์ฯเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

[caption id="attachment_63973" align="aligncenter" width="700"] สัดส่วนรายได้ของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ปี 2559 - 2562 สัดส่วนรายได้ของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ปี 2559 - 2562[/caption]

เห็นโอกาสเติบโตธุรกิจโซลาร์ฯ

ผศ.ดร.เกษรา ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทเติบโตมาจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายอย่างบ้าน คอนโดมิเนียม ก่อนจะขยายสู่ธุรกิจให้เช่าทั้งสนามกอล์ฟ คอมมิวนิตีมอลล์ โกดังสินค้า และอพาร์ตเมนต์ แต่ด้วยกระแสความต้องการลดภาวะโลกร้อนเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับเริ่มมองเห็นโอกาสและแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาด จึงตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจโซลาร์เซลล์ และเมื่อเห็นว่าภาครัฐมีทิศทางด้านพลังงานที่ชัดเจน จึงยื่นขอเป็นผู้พัฒนาโซลาร์ฟาร์มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กำลังผลิต 4.6 เมกะวัตต์ และล่าสุดเมื่อปี 2558 ได้เริ่มทำอย่างจริงจัง ในโครงการโซลาร์ฟาร์ม (ค้างท่อ) ที่ร่วมกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด กำลังผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ซึ่งตลาดมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 เพิ่มพอร์ตธุรกิจ ขยายสัดส่วนรายได้

นอกจากการรุกตลาดพลังงานสะอาดด้วยการทำโครงการโซลาร์ฟาร์มแล้ว ผศ.ดร.เกษรา ยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดตั้งบริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด เพื่อจับมือพันธมิตรระดับโลกอย่างบริษัท เฟิร์สโซล่า (ประเทศเยอรมนี) ซึ่งถือได้ว่าเป็นอันดับ 2 ของโลกในธุรกิจโซลาร์เซลล์ ในรูปแบบตินฟิล์ม (Thin Film) รวมทั้งยังเป็นพันธมิตรกับเอดีบี อินเวอร์เตอร์ อีกด้วย และเพื่อให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จึงจัดตั้งทีมดูแลบริการหลังการขายแบบ 360 องศา อาทิ การบริการแจ้งซ่อม ออนไลน์ 24 ชั่วโมง จาก SENA We care การบริหารงานนิติบุคคล การรับฝากขาย-ฝากเช่า นอกจากนี้ยังมี Mobile App ชื่อ

ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 46.5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสระบุรี และนครปฐม จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป โดยจะรับรู้เข้ามาในรูปของเงินปันผลประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปี ส่วนธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า จะติดตั้งแผงโซลาร์และมีกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ การรุกเข้าสู่ธุรกิจโซลาร์จะทำให้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจเปลี่ยนไป โดยคาดกว่าภายใน 2-3 ปี สัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะอยู่ที่ประมาณ 80% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและธุรกิจโซลาร์จะอยู่ที่ 10% เท่ากัน จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายอยู่ที่ 87% โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าอยู่ที่ 6% และธุรกิจโซลาร์ 4%

หมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบรายแรกของไทย

โครงการเสนาพาร์ค วิลล์ รามอินทรา – วงแหวน จำนวน 218 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท และโครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี – สาย 5 จำนวน 178 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการถือได้ว่าเป็นโครงการที่อยู่อาศัย 2 โครงการแรกของประเทศที่นำเรื่องของโซลาร์มาใช้เต็มรูปแบบทั้งโครงการ ตั้งแต่พื้นที่ส่วนกลางและบ้านพักอาศัย โดยการนำโซลาร์รูฟมาติดตั้งบนหลังคาบ้านทุกหลัง เพื่อช่วยประหยัดค่าส่วนกลางสูงสุด 30- 40% เมื่อเทียบกับโครงการทั่วไป โดยที่โครงการนี้มีค่าส่วนกลางเพียง 28 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ในขณะที่โครงการอื่นค่าส่วนกลางเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณกว่า 30 บาทต่อตร.ม.

พร้อมกันนี้บริษัทยังรับประกันอายุการใช้งานของแผงโซลาร์รูฟนาน 25 ปี โดยตลอด 25 ปีนั้นผู้พักอาศัยจะสามารถใช้ไฟฟ้าได้ฟรีตลอด 365 วัน วันละ 8 ชั่วโมง ในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากยังไม่มีแบตเตอรี่ที่ใช้ในการสำรองไฟ ในบ้านแต่ละหลัง เพราะยังมีราคาสูงอยู่มากในปัจจุบัน แต่ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางได้มีการเตรียมแบตสำรองไว้ให้ เพื่อสำรองไฟไว้ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ เช่น ฝนตกหนัก ดังนั้น ผู้พักอาศัยสามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภทในช่วงกลางวัน สำหรับในช่วงเวลากลางคืนจะสลับมาใช้ไฟหลวงแทน

การเริ่มต้นเป็นผู้นำอาจจะทำให้ต้องแสวงหาสิ่งใหม่เพื่อทิ้งห่างคู่แข่ง แต่สำหรับเสนาแล้วมองว่าการที่ผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดนี้เพิ่มมากขึ้นจะยิ่งช่วยให้สินค้าถูกลง และผู้บริโภคก็จะใช้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งจะช่วยสร้างพลังงานสะอาดให้กับโลกเพิ่มขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,167 วันที่ 19 - 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559