ก.แรงงานสานพลังประชารัฐ สร้างอาชีพทั่วไทย ตั้งเป้ากว่า 10,000 คน

16 มิ.ย. 2559 | 10:40 น.
วันนี้ (16 มิ.ย. 59) พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในฐานะประธานเปิดงานมหกรรม “สานพลังประชารัฐ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ 2559” ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 3 ชลบุรี  ว่า รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกๆ ด้าน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคง ให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงพัฒนาส่งเสริมสวัสดิการให้ความคุ้มครองและสร้างหลักประกันทางสังคมให้แก่พี่น้องลูกจ้างแรงงาน ทั้งนี้ ในการพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนนั้น ปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดและต้องดำเนินการเป็นลำดับแรก คือ “การพัฒนากำลังคน” หรือ “ทรัพยากรมนุษย์” ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะวิชาชีพ ให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในสายวิชาชีพหรืออาชีวศึกษา ให้มีทักษะฝีมือที่ได้มาตรฐาน ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการหรือตลาดแรงงาน พร้อมที่จะทำงานได้ทันทีเมื่อจบการศึกษารวมถึงได้รับค่าจ้าง ค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามระดับมาตรฐานทักษะฝีมือ สำหรับนักเรียนในสายสามัญ จะได้รับการฝึกทักษะฝีมือเบื้องต้น และได้รับการแนะแนวอาชีพเพื่อเป็นทางเลือกอีกด้วย

“รัฐบาลยังได้มีนโยบายให้ดูแลและพัฒนากำลังแรงงานกลุ่มพิเศษ ได้แก่ กลุ่มผู้พิการ และกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดทำหลักสูตรและจัดการฝึกอบรมอาชีพให้แก่กลุ่มผู้พิการและกลุ่มผู้สูงอายุ รวมไปถึงจัดการฝึกอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนในกลุ่มพิเศษเหล่านี้ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างทัดเทียมคนทั่วไป”

การจัดกิจกรรมลักษณะนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมซึ่งเป็นไปตามแนวทาง “ประชารัฐ” ที่ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้มีความมั่นคง ยั่งยืน โดยดำเนินการจัดพร้อมกันทั่วประเทศ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานทุกภาคใน 11 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ครั้งแรกจัดนำร่องที่จังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้วประสบความสำเร็จ ความสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ได้มีการลงนามความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือฝีมือแรงงานระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน สถาบันการศึกษา สถานประกอบการ และภาคประชาสังคมด้วย

สำหรับกิจกรรมการในงานจัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงานให้แก่นักศึกษาซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในสาขาอาชีพต่าง ๆ อย่างน้อย 10 อาชีพ จัดให้มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร รวมทั้งจัดแนะแนวอาชีพให้กับนักเรียนและประชาชนทั่วไปด้วย นอกจากนี้วัตถุประสงค์ที่สำคัญของกิจกรรมนี้อีกประการหนึ่งคือ เป็นการกระตุ้นให้เยาวชนเห็นความสำคัญของการเป็นแรงงานฝีมือ มุ่งพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรายได้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะตามอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะนักศึกษาสายอาชีพ เทคนิค อาชีวศึกษาทุกคนได้มีความภาคภูมิใจในสาขาวิชาชีพของตน ซึ่งต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกจังหวัด สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานประกอบกิจการ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัด ผู้นำชุมชน ประชาชน ผู้ปกครอง รวมถึง นักเรียน นิสิต และนักศึกษาจากสถานศึกษาต่าง ๆในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ

การจัดมหกรรมครั้งนี้ นอกจากแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานตามแนวทาง “ประชารัฐ”แล้ว ยังจะทำให้เยาวชน ประชาชน ผู้ว่างงาน ผู้ประสบปัญหาด้านแรงงานมีแนวทางในการเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง นำไปประกอบอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวอย่างยั่งยืนด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์มากกว่า 10,000 คน

กิจกรรมวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม หลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ มอบป้ายศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกในการลงนามความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ระหว่างสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 3 ชลบุรีกับสถานประกอบการสถานศึกษา และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ภายในงานด้วย

ช่วงบ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ ศูนย์กีฬาในร่ม เทศบาลเมืองตราด อ.เมือง จ.ตราด พร้อมพบปะผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง และ จ.ตราด ด้วย ทั้งนี้ ผลการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ เมียนมา ลาว กัมพูชา ตามมติ ครม. 23 ก.พ. 59 มียอดจดทะเบียนแล้ว 18,841 คน ในส่วนของแรงงานประมงทะเล มีนายจ้างมายื่นจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 1,399 ราย แรงงานต่างด้าว 6,531 คน และกิจการแปรรูปสัตว์น้ำ นายจ้าง 623 ราย แรงงานต่างด้าว 4,464 คน นอกจากนั้น ยังมีจำนวนแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาเข้ามาทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล อีกจำนวน 776 คน นายจ้าง 123 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มิ.ย. 59)