แนวโน้มเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย เยลเลนแสดงความกังวลตัวเลขจ้างงานที่ตํ่าสุดรอบเกือบ 6 ปี

13 มิ.ย. 2559 | 01:00 น.
ท่าทีล่าสุดของ เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืนยันความเชื่อของนักลงทุนว่าจะยังไม่มีการปรับดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนล่าสุดออกมาต่ำสุดในรอบหลายปี

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด กล่าวบทเวที World Affairs Council of Philadelphia ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีพัฒนาการในทิศทางที่ดีขึ้นจนเฟดสามารถทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของนางเยลเลนไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่มีการระบุว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นหมายความว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยในครั้งนี้นางเยลเลนไม่ได้มีการระบุถึงกรอบเวลาเหมือนเช่นที่ผ่านมา

"มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าปัจจัยบวกที่สนับสนุนการจ้างงานและเงินเฟ้อจะยังคงมีมากกว่าปัจจัยลบต่อไป ดิฉันยังคงคิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะต้องมีการทยอยปรับขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพของราคาและการจ้างงานอย่างสูงสุดในระยะยาว" นางเยลเลนกล่าว

รายงานตัวเลขการจ้างงานล่าสุดจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจต้องชะลอออกไป โดยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมเพิ่มอีกเพียง 38,000 ตำแหน่ง ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จ้างงานใหม่ 2.7 ล้านตำแหน่งเมื่อปีก่อน เฉลี่ย 230,000 แสนตำแหน่งต่อเดือน

ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขที่เบี่ยงเบนไปจากแนวโน้มปกติเพียงแค่เดือนเดียว หรือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าพื้นฐานของตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวลง ท่าทางของประธานเฟดก็สะท้อนว่าเฟดไม่ต้องการที่จะด่วนตัดสินใจ

"เกิดคำถามต่อแนวโน้มเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่จากข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุด อัตราการจ้างงานที่ลดลงอย่างมากในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวมหรือไม่ หรืออัตราการจ้างงานในแต่ละเดือนจะขยับกลับขึ้นไปถึงระดับที่แข็งแกร่งเหมือนในช่วงต้นปีและปี 2558" คำถามเหล่านี้ ตลอดจนคำถามอื่นๆ เป็นสิ่งที่นางเยลเลนกล่าวว่า คณะกรรมการของเฟดจะต้องพิจารณา

ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเยลเลนเป็นการออกมาให้ความเห็นต่อสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้ายของประธานเฟดก่อนการประชุมในวันที่ 14-15 มิถุนายน ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องว่าท่าทีล่าสุดเป็นการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเฟดจะยังไม่ปรับดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า และเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานออกมา

นีล ดัตตา หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของบริษัท เรอเนซองส์ แมคโคร รีเสิร์ชฯ กล่าวว่า เฟดจะต้องรอดูปัจจัยเศรษฐกิจต่างๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ก่อนจะตัดสินใจปรับดอกเบี้ย หมายความว่าเฟดจะยังคงตรึงดอกเบี้ยเอาไว้ในการประชุมเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม
เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 0-0.25% ที่คงไว้ตั้งแต่ปลายปี 2551 ขึ้นเป็น 0.25-0.5% เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน พร้อมกับวางเป้าหมายที่จะทยอยปรับดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากต่างประเทศประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป โดยเมื่อเดือนเมษายน เฟดกำหนดเงื่อนไข 3 ประการในการปรับขึ้นดอกเบี้ย คือ 1. การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในไตรมาส 2 หลังจากเติบโตน่าผิดหวังในไตรมาสแรก 2. ตลาดแรงงานที่มีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่อง และ 3. สัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นางเยลเลนกล่าวว่า นโยบายการเงินไม่ได้ถูกกำหนดไว้บนเส้นทางที่แน่นอน และเฟดจะประเมินสถานการณ์ตามข้อมูลใหม่ๆ ที่มีออกมา ทั้งนี้ นางเยลเลนระบุถึงความไม่แน่นอนหลายประการที่มีโอกาสส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การลงทุนของภาคธุรกิจที่อ่อนแอ การเติบโตของผลิตภาพในระดับต่ำ และความไม่แน่นอนของแนวโน้มเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุถึงการลงประชามติของอังกฤษในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ด้วยว่ามีโอกาสส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ประธานเฟดคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาการในตลาดแรงงานโดยรวมยังเป็นไปในทิศทางบวก รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความเข้มแข็ง และนโยบายการคลังได้เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทางการของเฟดจะเปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดในการประชุมสัปดาห์หน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,164 วันที่ 9 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559