พาณิชย์เล็งโอกาสขยายการค้า-ลงทุนในกัมพูชา

06 มิ.ย. 2559 | 08:40 น.
 

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญว่า แนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตรในกัมพูชาจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตภายในประเทศเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผลผลิตตกต่ำ และปัญหาภัยแล้ง  ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งคาดการณ์ว่า จะมีการอพยพโยกย้ายแรงงานจากภาคเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรมถึงร้อยละ 40 ในอีก 10 ปีข้างหน้า ประกอบกับรัฐบาลกัมพูชามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม เร่งปรับปรุงนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อดึงดูด   นักลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายส่งเสริมให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร เพื่อขจัดปัญหาความยากจน ทำให้ภาคเกษตรมีความต้องการเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทางการเกษตร เพื่อใช้ทดแทนแรงงานที่หายไป จึงน่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาดสินค้าเกษตร และเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทางการเกษตร รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปทางการเกษตรได้เพิ่มขึ้น

นโยบายส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรมจากต่างประเทศของกัมพูชา จะเป็นประโยชน์ต่อ      นักลงทุนและนักธุรกิจไทยในหลายมิติ หากพิจารณามิติทางด้านการลงทุนพบว่า นโยบายดังกล่าวส่งผลให้เกิดการโยกย้ายแรงงานจากภาคการเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กัมพูชามีความพร้อมด้านทรัพยากรแรงงานภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ประกอบกับค่าแรงงานที่จูงใจ จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่จะดึงดูดการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้ในการพิจารณาวางแผนขยายการลงทุนในกัมพูชา   ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป สำหรับมิติด้านการส่งออก รัฐบาลกัมพูชาส่งเสริมให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร เพื่อขจัดปัญหาความยากจน ทำให้ภาคเกษตรต้องการเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทางการเกษตร เพื่อใช้ทดแทนแรงงานที่หายไป ซึ่งไทยมีศักยภาพในการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร   ที่มีคุณภาพดี และมีทำเลที่ตั้งติดกับกัมพูชาส่งผลให้มีความได้เปรียบด้านต้นทุนค่าขนส่ง จึงน่าจะเป็นโอกาส  ในการขยายตลาดสินค้ากลุ่มนี้ของไทยในกัมพูชาด้วย

นอกจากนี้ จากสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ชาวกัมพูชามีรายได้เพิ่มขึ้น มีวิถีชีวิต  ที่ให้ความใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในตลาดระดับบนเริ่มให้ความสนใจซื้อหาสินค้า       เพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะผักและผลไม้ปลอดสารพิษ แต่เนื่องจากปัจจุบันการผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้กัมพูชานำเข้าผักผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เวียดนาม ไทยและจีน เฉลี่ย 400 กิโลกรัมต่อวัน หรือทั้งปีมีมูลค่านำเข้าสูงถึงปีละกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงนับเป็นโอกาส ของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในกัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ