เปอโยต์ไทย รับเซอร์วิสซีตรอง นำร่องที่โชว์รูมถนนรามคำแหง

30 พ.ค. 2559 | 04:00 น.
พีเอสเอกรุ๊ป ฝรั่งเศส แต่งตั้งยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเปอโยต์ในไทยให้ดูแลบริการหลังการขายแบรนด์ ซีตรอง พร้อมประกาศให้ลูกค้าสามารถนำรถทุกรุ่นมาเข้ารับบริการ โดยมีสาขานำร่อง รามคำแหง และ ทองหล่อ ที่จะเปิดในไตรมาส 4

นายกิจจาทร ลีนุตพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขายบริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเปอโยต์ในไทย กล่าวว่า พีเอสเอกรุ๊ป PSA Group ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ และซีตรองในประเทศฝรั่งเศสได้แต่งตั้งให้ บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ ในประเทศไทย เป็นผู้ดูแลบริการหลังการขายของรถยนต์ ซีตรองทุกรุ่นในประเทศไทย

สำหรับการบริการหลังการขายดังกล่าวจะครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ การตรวจเช็กตามระยะทาง, ดูแลการซ่อมเครื่องยนต์, ช่วงล่าง, งานสีและตัวถัง และอะไหล่แท้จากทางผู้ผลิต ซึ่งทางศูนย์บริการได้มีลงทุนเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ทั้งอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย ,สต๊อกอะไหล่ และการฝึกอบรมช่างเทคนิค โดยลูกค้าซีตรองสามารถนำรถเข้ามารับบริการหลังการขายได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการสาขาถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ และเป็นสาขานำร่อง หลังจากนั้นในไตรมาสที่ 4 สาขาทองหล่อจะพร้อมให้บริการ และต้นปี 2560 สาขาเชียงใหม่และหาดใหญ่ สงขลา

"เปอโยต์ และซีตรอง อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ พีเอสเอกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส โดยพีเอสเอกรุ๊ปเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคยุโรป มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 20 % จากยอดขายรวมกว่า 2.9 ล้านคันใน 160 ประเทศทั่วโลก "

นายกิจจาทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประชากรซีตรองในประเทศไทย มีประมาณ 1.2 – 1.5 พันคัน และแบ่งสัดส่วนผู้ใช้กว่า 60- 70 % อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในช่วงแรกบริษัทได้มีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้ รวมไปถึงทำแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ใช้รถซีตรองทุกรุ่นสามารถ นำรถยนต์มาเข้ารับบริการตรวจเช็กสภาพ 29 รายการได้ ฟรี ที่ศูนย์บริการเปอโยต์ – ซีตรอง สำนักงานใหญ่ถนนรามคำแหง ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด เปิดเผยฐานเศรษฐกิจว่าการที่บริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสเลือกให้บริษัทรับหน้าที่ดูแลบริการหลังการขาย เพราะว่ามีความพร้อมด้านอะไหล่ รวมไปถึงมีความพร้อมด้านบริการหลังการขาย ทำให้ตัดสินใจแต่งตั้งในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นได้วางงบลงทุนเพื่อปรับปรุงส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง -ป้าย ,บุคลากร ,ชุดฟอร์มพนักงาน ,เครื่องมือต่างๆโดยใช้งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 3 – 4 แสนบาท

"มีลูกค้าที่ใช้รถของเปอโยต์ และ ซีตรอง อยู่แล้ว ซึ่งในกลุ่มนี้ก็จะนำรถเข้ามาใช้บริการเป็นประจำ และเราก็จะมีการจัดเก็บฐานข้อมูลไว้ แต่สำหรับลูกค้ารายอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าจะนำรถเข้าไปซ่อมตรงไหนนั้น เราก็พยายามที่จะทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ มีการจัดแคมเปญตรวจเช็ก รวมไปถึงให้ลูกค้าเข้ามาเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งความได้เปรียบของบริษัทคือเปอโยต์และซีตรองมีการใช้อะไหล่บางตัวที่เป็นเบอร์เดียวกัน ทำให้ไม่มีปัญหาในการดูแลบริการหลังการขายของลูกค้าแบรนด์ซีตรอง "

แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า การแต่งตั้งในครั้งนี้จะดูแลเฉพาะบริการหลังการขายของซีตรองเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการขายรถใหม่ แต่หากบริษัทฯแม่มีการตกลงกับผู้จัดจำหน่ายรายเดิมว่าจะไม่ทำตลาดในไทยต่อ บริษัทก็มีความพร้อมที่จะทำตลาดของซีตรองในไทย ซึ่งความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ และไม่น่าจะได้เห็นในปีนี้

ขณะที่การดำเนินงานของเปอโยต์ ยังคงเดินหน้า โดยในไตรมาสที่ 3 จะมีการเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ และมีการเข้าร่วมงานอีเวนต์ใหญ่เพื่อกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง

"ยอดขายของเปอโยต์ยังถือว่าขายได้เรื่อยๆและในงาน บิ๊ก มอเตอร์ เซลส์ อาจจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ หรือหากไม่ทันก็คาดว่าจะเปิดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่จะจัดขึ้นปลายปี ส่วนรถที่นำมาขายหากนำเข้าจากมาเลเซีย ก็สามารถแข่งขันและทำราคาได้ แต่หากนำเข้าจากฝรั่งเศสก็อาจจะได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทแม่ รวมไปถึงการอัดออพชันเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า ขณะที่สต๊อกรถทุกรุ่นในตอนนี้ก็ใกล้ที่จะหมดแล้ว โดยเหลือไม่ถึง 100 คัน "

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,161
วันที่ 29 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559