สวนผลไม้ยิ้มออกปีนี้ราคาพุ่ง พณ.จัดระเบียบล้งคุมคุณภาพ

17 พ.ค. 2559 | 06:00 น.
พาณิชย์ร่วมผู้ประกอบการในจันทบุรี จัดระเบียบล้งจีนครั้งใหญ่ เป้าหมายดันจันทบุรีเป็นศูนย์กลางล้งผลไม้ไทย เผยมีล้งจีนร่วมทุนล้งไทยกว่า 150 ราย ยันควบคุมได้ ยอมรับภัยแล้งทำผลผลิตผลไม้หายไปเกือบ 20% ทำราคาส่งออกปีนี้พุ่งเท่าตัว ชาวสวนยิ้มได้ ทุเรียนพุ่ง 120 บาท/กก.

นายนิอันนุวา สุไลมาน พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยถึง การแก้ปัญหาโรงคัดบรรจุผลไม้(ล้ง)ผลไม้ในจังหวัดจันทบุรีว่าได้ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด เอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ในการวางกรอบแนวทาง โดยจัดทำจันทบุรีโมเดล เพื่อเข้ามาดูแลผลผลิต และราคาผลไม้ของเกษตรกรในพื้นที่ให้มีราคาดี และมีมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้ผลไม้ภาคตะวันออกของไทย ทั้งทุเรียน เงาะลองกอง มังคุด เป็นที่นิยมบริโภคของชาวจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการชาวจีนสนใจเข้ามาร่วมทุนกับคนไทยทำธุรกิจล้ง เพิ่มขึ้นจาก 80 ราย เพิ่มเป็น 150 ราย ส่วนหนึ่งมีผลทำให้ผลไม้ในภาคตะวันออกมีราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ให้มีปัญหาเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ส่งออกไปต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านคุณภาพของผลไม้ไทย

ดังนั้นภาครัฐจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทหาร ในการเข้าดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยในการซื้อขายผลไม้ล่วงหน้าผ่านล้งจะต้องให้ผลไม้ออกผลผลิตอย่างแท้จริงก่อน ถึงจะทำสัญญาการซื้อขายได้ เพื่อป้องการทิ้งใบสัญญาการสั่งซื้อ ซึ่งอาจกระทบต่อเกษตรกร และทำให้ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกได้ ซึ่งขณะนี้ทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการธุรกิจล้งในจังหวัดจันทบุรี ต่างให้ความร่วมมือเพื่อยกระดับธุรกิจการค้าผลไม้ของไทย และเตรียมที่จะพัฒนาให้จันทบุรีกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขาย และศูนย์กลางล้งผลไม้ ซึ่งจะทำให้ราคา และคุณภาพผลไม้ไทยมีเสถียรภาพ

"ที่ผ่านมายังมีปัญหาการลักลอบนำผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่นมังคุดจากอินโดนีเซีย เข้ามาสวมสิทธิ และส่งออกไปภายใต้ชื่อผลไม้จันทบุรี ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ เพราะผลไม้ไทยมีคุณภาพ และรสชาติที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้เร่งตรวจ อย่างเข้มงวด และหากพบจะเร่งดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด"

สำหรับปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ทำให้ปริมาณผลไม้ทางภาคตะวันออกจะลดลงเกือบ 20% โดยผลไม้หลัก 4 ชนิดเช่น ลองกอง ทุเรียน มังคุด และเงาะ โดยจะมีผลผลิตออกมาราว 6 แสนตัน ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มีผลผลิต เกือบ 7 แสนตัน ทำให้ราคาโดยรวมปีนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยทุเรียนเกรดส่งออกราคาขึ้นมาอยู่ที่ 100-120 บาทต่อกิโลกรัม จากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 45 บาทต่อกิโลกรัม และส่วนหนึ่งก็มาจากล้งที่เข้ามารับซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ดีขึ้น"

ด้านนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กล่าวถึง การติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรและวางแผนบริหารจัดการก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดว่าในภาพรวมผลผลิตผลไม้จะลดลงทุกชนิด โดยผลผลิตในภาคตะวันออกนั้น เงาะ คาดว่าผลผลิตจะออกมาประมาณ 1.75 แสนตัน ลดลงจากปีก่อน 18.6% มังคุด 1.10 แสนตัน ลดลง 3.7% ทุเรียน 3.16 แสนตัน ลดลง 6.38% ส่วนลองกอง 5.60 หมื่นตันเพิ่มขึ้น 7.5% โดยผลผลิตจะทยอยออกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมนี้

ขณะเดียวกันในส่วนของผลผลิตผลไม้ในภาคใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งผลิตใหญ่ คาดผลผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้น โดยลองกองคาดจะมีผลผลิต 8.40 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 8.9% ทุเรียน 2.54 แสนตัน เพิ่มขึ้น 6.3% มังคุด 1.13 แสนตัน ถึง 37% และเงาะ 7.40 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 5% โดยผลผลิตจะทยอยออกมาในช่วงเดือนกรกฎาคมหลังจากผลผลิตในภาคตะวันออกหมดไป

"ในภาพรวมผลไม้ปีนี้เกษตรกรขายได้ราคาดี ซึ่งผู้บริโภคต้องยอมรับว่าปีนี้ต้องซื้อผลไม้ราคาแพงขึ้น โดยกระทรวงต้องปล่อยเป็นไปตามกลไกตลาดไม่ได้เข้าไปแทรกแซง "

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,157 วันที่ 15 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559